พบ "กู๋เอี๋ยว" สวมชื่อแจ้งเกิดตอนอายุ 15 ปี


โดย PPTV Online

เผยแพร่




หลังการจับกุมตัว นายนิติพัฒน์ โชคชัยธนพร หรือ “กู๋เอี๋ยว” ที่เป็นนอมินีเจ้าของคลับวัน ในตัวเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี จากการตรวจสอบพบว่า ชื่อไทยที่กู๋เอี๋ยวใช้นั้น เป็นชื่อที่ถูกสวมสิทธิ และยังพบด้วยว่ามีการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลมาแล้วหลายครั้ง

ทีมข่าวพีพีทีวี ลงพื้นที่ที่ว่าการอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี พูดคุยกับ นางสาวภารดี เผือกโสภา ปลัดอำเภอ หัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง เปิดเอกสารยืนยันกับทีมข่าวว่า การออกบัตรประชาชนให้ นายนิติพัฒน์ โชคชัยธนพร หรือ “กู๋เอี๋ยว” นั้นมีการตรวจสอบฐานข้อมูลของกรมการปกครอง ทั้งรูปถ่าย ลายพิมพ์นิ้วมือ รวมถึงทะเบียนบ้านว่า เป็นบุคคลเดียวกันกับที่มีการทำบัตรประชาชนใบแรกตอนอายุ 15 ปี ที่เทศบาลเมืองตราด จึงออกบัตรใบใหม่ให้ตามระเบียบ

บิ๊กโจ๊ก เผย “กู๋เอี๋ยว” แค่นอมินีเปิดผับ

ตร.เตรียมยื่นเสนอปิด “คลับวัน ผับ” 5 ปี

จากฐานข้อมูลพบว่า “กู๋เอี๋ยว” เริ่มใช้เลขประจำตัวประชาชน ตั้งแต่ปี 2535 ขณะนั้นอายุ 15 ปี แต่เพิ่งไปแจ้งเกิดที่เทศบาลเมืองตราด ใช้ชื่อว่า “ด.ช.ธีระ จงพิทักษ์วศิน” เป็นการแจ้งเกิดเกินกำหนดเวลาปกติที่พ่อแม่จะต้องไปแจ้งภายใน 15 วันหลังเกิด จากนั้น 2 เดือนเศษ ก็ไปทำบัตรประชาชนใบแรกด้วยชื่อ เด็กชายธีระ

ต่อมาปี 2536 “กู๋เอี๋ยว” ย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่กรุงเทพ และในปี 2541 ก็ย้ายมาที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

จนวันที่ 13 มกราคม 2546 มีการทำบัตรประชาชนใหม่ที่เทศบาลเมืองพัทยา เปลี่ยนชื่อจากธีระ เป็น “นฤทธิ์ จงพิทักษ์วศิน”

เดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน ไปทำบัตรประชาชนใหม่ ที่ว่าการอำเภอบางละมุง เปลี่ยนนามสกุลเป็น จาก “จงพิทักษ์วศิน” เป็น “โชคชัยธนพร”

และวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2550 ทำบัตรประชาชนใหม่ ที่ว่าการอำเภอบางละมุง เปลี่ยนชื่ออีกครั้ง เป็น “นิติพัฒน์ โชคชัยธนพร” และใช้ชื่อนี้จนถึงปัจจุบัน

เมื่อสอบถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่เจ้าหน้าที่ทะเบียนอาจรู้เห็นกับการสวมสิทธิบัตรประจำตัวประชาชน  น.ส.ภารดี บอกว่าในทางปฏิบัติทำได้ยากมาก เพราะการออกบัตรประชาชน ต้องยื่นเอกสาร ผ่านการตรวจสอบกรมการปกครอง หลังมีการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ก็ยิ่งยากเข้าไปอีก เพราะข้อมูลทุกอย่างตรวจสอบได้หมด กรณีนี้หากจะตรวจสอบข้อเท็จจริงก็ต้องย้อนกลับไปที่ต้นทาง คือตั้งแต่การออกใบแจ้งเกิด

ทีมข่าวจึงย้อนไปสอบถามข้อมูลทะเบียนราษฎร ของอำเภอเมือง จังหวัดตราด  ซึ่งเป็นจุดแรกที่ออกบัตรประชาชนให้กับ “กู๋เอี๋ยว” ซึ่ง นายภิรมย์ ชุมนุม นายอำเภอเมืองตราด บอกว่าการตรวจสอบพบว่า “กู๋เอี๋ยว” สวมบัตรคนตาย โดยมาแจ้งเกิดที่คลีนิคแพทย์แห่งหนึ่งในจังหวัดตราด แล้วมาแจ้งทำบัตรประชาชนที่สำนักทะเบียน เทศบาลเมืองตราด หลังจากนั้นก็เปลี่ยนชื่อหลายครั้ง 

โดยแจ้งว่ามีพ่อเป็นชาวจีน และตัวเองมีสัญชาติจีน แม่เป็นชาวนครราชสีมา แต่ปัจจุบันผู้สวมสิทธิทำธุรกิจอยู่ที่อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี  หากติดตามและตรวจสอบจะพบพิรุธ เกี่ยวกับหลักฐาน ที่ไม่เชื่อมโยงกัน ซึ่งได้แจ้งให้ตำรวจชุดจับกุมไปแล้ว พร้อมแนะนำให้เรียกพ่อ-แม่มาสอบปากคำ เพื่อพิสูจน์ดีเอ็นเอ

ทางนายอำเภอเมืองตราดบอกว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นมากว่า 30 ปีแล้ว สมัยนั้นการทำบัตรประชาชนต้องทำอายุ 15 ปี และทำด้วยการเขียนด้วยลายมือ ซึ่งอาจมีการทุจริตง่าย ถึงตอนนี้คนทุจริตก็น่าจะอายุเกิน 70-80 ปีแล้ว หรือ อาจเสียชีวิตไปแล้ว

ที่ผ่านมาในจังหวัดตราด พบการทุจริตสวมสิทธิบัตรประชาชนหลายครั้งทั้งในอำเภอเมืองตราดและอำเภอบ่อไร่ ซึ่งก็มีการไล่ออกเจ้าหน้าที่ทะเบียน รวมถึงนายอำเภอมาแล้วหลายคน

ด้าน นายชำนาญวิทย์ เตรันต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด บอกว่าการตรวจสอบพบการออกบัตรประจำตัวประชาชนจริง เมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว โดยสวมชื่อคนตาย  โดยพ่อแม่ของผู้เสียชีวิตไม่รู้เรื่องด้วย ส่วนเจ้าพนักงานที่ออกบัตรให้นั้น ก็ต้องย้อนดูว่าเป็นใคร และยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เพราะระยะเวลาผ่านมา 30 ปีแล้ว

ความคืบหน้าคดีวันนี้ ตำรวจ สภ.บางละมุง นำตัว “กู๋เอี๋ยว” ส่งศาลจังหวัดพัทยา เพื่อดำเนินคดีตามหมายจับ 487/2565 ข้อหา ”แสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในประวัติทะเบียนราษฎรอันเป็นเอกสารราชการ” หรือ บัตรประชาชนปลอม 

ส่วนความเกี่ยวข้องกับ “คลับวัน” นั้นพบว่า “กู๋เอี๋ยว” เป็นเพียงนอมินี ไม่ใช่เจ้าของตัวจริง  โดยเจ้าของที่แท้จริง คือ นายยู่ ฉาง เฟย ซึ่งถูกจับตัวได้ ขณะกำลังจะหนีข้ามไป สปป.ลาว เมื่อวานนี้  และมีรายงานว่านายยู่ ฉาง เฟย คือ 1 ใน 5 เสือนายทุนจีน ที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ เคยออกมาเปิดเผยข้อมูล

ส่วนอีกคดีในพื้นที่พัทยา คือกรณีอุ้มตัดนิ้วเรียกค่าไถ่ชาวจีน วันนี้ตำรวจนำตัว นายจาง ดีอี้หลง หรือ “ตาเต้า” อายุ 30 ปี ไปสอบสวนเพิ่มเติม ที่สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กรุงเทพฯ หลังแจ้งข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส  ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว  ร่วมกันเรียกค่าไถ่ และอยู่ในราชอาณาจักรเกินกำหนดระยะอนุญาต หรือ “Overstay“

มีรายงานว่า พฤติการณ์ คือนายตาเต้า เป็นคนตัดนิ้วนายเหริน ผู้เสียหายซึ่งเป็นเพื่อนชาวจีนอายุ 41 ปี ส่วนชายชาวจีนอีก 1 คน ที่ตำรวจออกหมายจับเป็นคนช่วย และพันธการนายเหรินให้นายตาเต้าทำร้าย  ขณะนี้อยู่ในระหว่างติดตามตัว โดยปมก่อเหตุ มาจากความขัดแย้งเรื่องเงินธุรกิจผิดกฎหมาย ซึ่งตำรวจยังอยู่ระหว่างการขยายผลว่ามีใครร่วมขบวนการอีกบ้าง

อีกประเด็นที่มีการพูดถึงก็คือ ชาวจีนที่ถูกจับ พบว่ามีการยื่นขอต่อวีซ่าเพื่ออยู่ในประเทศไทย ในลักษณะของวีซ่านักเรียน โดยส่วนใหญ่ขอต่อวีซ่าที่ต่างจังหวัด อย่างที่จังหวัดเชียงใหม่  ทีมข่าวสอบถามข้อมูลไปยังสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.เชียงใหม่  แต่ได้รับการปฏิเสธว่าไม่สะดวก  เนื่องจากผู้บังคับบัญชาถูกเรียกตัวไปประชุมด่วน

ขณะที่การสำรวจในพื้นที่จังหวัดเชียงราย พบว่ามีชาวจีน เดินทางเข้าออกไทย 2 จุดใหญ่ๆ คือ ตรงด่านชายแดนอำเภอเชียงแสน ตรงข้ามเป็นเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว  ที่เป็นที่ตั้งของบ่อนคาสิโน “คิงส์โรมัน” ที่คนจีนเป็นเจ้าของ

 และอีกจุดคือบริเวณชายแดนอำเภอแม่สาย ที่อยู่ตรงข้ามจังหวัดท่าขี้เหล็ก คนจีนที่อยู่บริเวณนี้ ส่วนใหญ่เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเปิดธุรกิจสถานบันเทิง.

TOP อาชญากรรม
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ