นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตเจ้าของสถานบันเทิง หลังออกมาเปิดชื่อ 5 กลุ่มมาเฟียจีน บอกว่าเชื่อมโยงกับ “จ้าว เหว่ย” เจ้าพ่ออาณาจักร “คิงส์โรมัน” มั่นใจว่าหากตรวจสอบเส้นทางการเงินของ 5 คนที่มีการเปิดเผยชื่อ จะพบความเชื่อมโยงไปถึงนาย “เฟย” รองหัวหน้ากงสีของอาณาจักร “จ้าว เหว่ย”
โดยตัว “จ้าว เหว่ย” นั้น นายชูวิทย์ บอกว่า ฉากหน้าทำธุรกิจคาสิโนถูกกฎหมาย ใน สปป.ลาว กัมพูชา และฟิลิปปินส์ แต่ฉากหลัง มีทั้งยาเสพติด พนันออนไลน์ คอลเซ็นเตอร์
ยึดทรัพย์ 300 ล้าน เครือข่ายมาเฟียจีน
รู้จัก “จ้าว เหว่ย” เจ้าพ่อคิงส์โรมัน
แม้หน้าฉากจะเปิดคาสิโนถูกกฎหมาย แต่วิธีการเล่นจริงเป็นบ่อนสีเทา คนมาเล่นเป็นพวกว้า เล่นเสียก็จ่ายเป็นยาเสพติด บ่อนก็รับเพราะมีช่องทางปล่อย หรือถ้าไม่มีจ่าย ก็จับตัวเรียกค่าไถ่
นายชูวิทย์ เทียบตัว “จ้าว เหว่ย” เป็นบริษัทแม่ ขณะที่กลุ่ม 5 เสือในไทย เป็นเพียงระดับผู้จัดการ เอาเงินจาก “จ้าว เหว่ย” มาฟอกในไทย โดยเปิดผับ บาร์ ร้านอาหาร ซื้อบ้าน รถหรู และสินทรัพย์ต่างๆ
เมื่อถามว่าพฤติการณ์ลักษณะนี้ต้องมีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นหรือไม่ นายชูวิทย์ บอกว่า แน่นอน และเชื่อมโยงไปถึงนักการเมืองที่มีอิทธิพล ซึ่งการที่ตำรวจเร่งกวาดล้างช่วงนี้ จริงๆ ตนเองก็มีคำถาม เพราะได้ออกมาแฉเรื่องกลุ่มทุนจีน ตั้งแต่ 3 เดือนที่แล้ว แต่เพิ่งมีการกวาดล้าง เป็นเพราะมีใบสั่งจากใคร หรือต้องการตัดท่อน้ำเลี้ยงใครเนื่องจากใกล้เลือกตั้งหรือไม่ แต่นี่ก็ไม่ใช่เวลาโจมตี ควรให้กำลังใจกันมากกว่า เพราะ รอง ผบ.ตร. 2 คน ร่วมกวาดล้าง ถือเป็นเรื่องดีและตนเองก็ชื่นชม
ข้อมูลจากนายชูวิทย์ ใกล้เคียงกับที่ข้อมูลทีมข่าวพีพีทีวี ได้รับจาก “แหล่งข่าว” อีกรายหนึ่ง ว่าพฤติการณ์แก๊งมาเฟียจีน ที่เป็นเส้นเลือดใหญ่เครือข่ายอาชญากรข้ามชาติ มีการขยายอิทธิพลในหลายประเทศ
ที่ึคุ้นเคยกันดีตามหน้าสื่อ คือ “กัมพูชา” มีการหลอกลวง-จ้างงานคนไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ แหล่งใหญ่อยู่ที่ “สีหนุวิลล์” ทำกันเป็นกิจลักษณะคืออยู่ในตึกแถว ภายในมีฝ่ายต่างๆ เหมือนออฟฟิศ รับหน้าที่สวมบทบาทเป็นคอลเซ็นเตอร์-ตำรวจ หลอกเงินคนทางโทรศัพท์ หากหลอกเงินได้ จะได้ค่าคอมมิชชั่น เงื่อนไขแล้วแต่แต่ละบริษัท ซึ่งช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ปรากฎเป็นข่าวอยู่เรื่อยๆ
ส่วนเครือข่ายใน “ไทย” ไม่ได้ทำคอลเซ็นเตอร์โดยตรง แต่หน้าที่หลักคือเป็น “ฝ่ายบัญชี” ฟอกเงินให้ธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ ที่นี่คุมโดยแก๊ง 5 เสือ กระจายตามเมืองใหญ่ๆ เช่น กรุงเทพ พัทยา ภูเก็ต หน้าที่หลักคือเปิดผับบาร์ หาบัญชีม้า ฟอกเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัล
โดยพฤติการณ์ของกลุ่มนี้ เมื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเงินได้ จะมีการโอนต่อไปยังบัญชีม้า ผ่านหลายบัญชี จากนั้นจะเอาเงินไปซื้อสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) ผ่านเว็บไซต์ที่เปิดให้แลกเปลี่ยนสกุลเงินแบบ P2P (ชื่อเต็มคือ peer-to-peer) คือแลกเปลี่ยนกันระหว่างบุคคลต่อบุคคลโดยตรง เพื่อฟอกเงิน กระบวนการเหล่านี้ ทำให้เงินจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถูกเปลี่ยนมืออย่างรวดเร็ว เลี่ยงการติดตามจากเจ้าหน้าที่