รวบแล้ว! พ.ต.อ.หญิง "ภรรยาตู้ห่าว" กับพวกรวม 7 คน คดีฟอกเงิน

โดย PPTV Online

เผยแพร่

ตำรวจรวบ พ.ต.อ.หญิง "ภรรยาตู้ห่าว" กับพวกรวม 7 คนตามหมายจับคดีฟอกเงิน คุมตัวสอบ ศูนย์สืบ บช.น.

ช่วงเย็นวันที่ 24 ธ.ค. 65 ความคืบหน้าคดี "ตู้ห่าว" มีรายงานว่า พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.เดินทางมาสอบปากคำ "พ.ต.อ.หญิง วันทนารีย์ กรณ์ชายานันท์" หรือ "หนูนา" ตำแหน่ง ผกก.ฝ่ายความร่วมมือและกิจการระหว่างประเทศ กองการต่างประเทศ ภรรยาของนาย ชัยณัฐ​ร์ หรือ ตู้ห่าว ด้วยตนเอง หลังถูกเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนนครบาล นำหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ 893/2565 ลงวันที่ 24 ธ.ค. 65 ในข้อหาฟอกเงิน

“ชูวิทย์” แฉข้อมูลบิ๊ก ปปง.สนิทสนม “ตู้ห่าว” ทุนจีนสีเทา จี้ลาออกยกคณะ

ปปง.ร่อนหนังสือแจงคดี “ตู้ห่าว” ยันทำงานร่วม ตร.วิเคราะห์ธุรกรรม ชี้เป้าค้นผับจินหลิง-ท็อปวัน

 

เข้าทำการจับกุม พ.ต.อ.หญิง วันทนารีย์ ได้ที่คอนโดแห่งหนึ่ง ย่านเจริญกรุง ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำ ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนนครบาล (พญาไท)

สำหรับการจับกุม พ.ต.อ.หญิง วันทนารีย์ เกิดขึ้นหลังพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวารวบรวมพยานหลักฐานจนพบว่า พ.ต.อ.หญิงวันทนารีย์ มีส่วนเกี่ยวข้องและพัวพันกับการฟอกเงินของนายตู้ห่าว จึงขออำนาจศาลออกหมายจับดังกล่าว นอกจากนี้มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนครบาลยังควบคุมตัวผู้ต้องหา อีกจำนวน 6 รายในคดีนี้เพื่อมาสอบปากคำด้วย

ต่อมาเวลา 18.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนครบาล เข้าจับกุมตัวนางสาวพัชรินทร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพฯใต้ จ.889/65 ลงวันที่ 24 ธ.ค.65 ในข้อหาสมคบเพื่อการกระทำผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดฯ สนับสนุนช่วยเหลือผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ จัดหาหรือให้เงินเอื้อประโยชน์แก่การกระทำผิดฯ ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติโดยสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป และข้อหาร่วมกันฟอกเงิน จับกุมได้ที่แมนชั่นแห่งหนึ่งย่านคลองเตย

สำหรับนางสาวพัชรินทร์ มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทของนายตู้ห่าว โดยนางสาวพัชรินทร์ มีชื่อรองจากตัวของนายตู้ห่าวและ พ.ต.อ.หญิง วันทนารีย์ ภรรยาของนายตู้ห่าว ถูกจับกุมได้ที่ย่านคลองเตย โดยก่อนหน้านี้นางสาวพัชรินทร์ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับนายตู้ห่าว กระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมตัวมาสอบปากคำ

อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนเตรียมออกหมายจับผู้ต้องหาที่มีส่วนพัวพันกับการฟอกเงินในคดีผับจินหลิงเพิ่มเติมทั้งหมด 15 ราย ซึ่งมีทั้งคนไทยและคนจีนที่จับกุมในวันนี้ 8 รายยังคงเหลือ 7 ราย ตัวสำคัญคือหลานชาย ของตู้ห่าว ซึ่งขณะนี้บินหนีไปแล้ว สำหรับรายชื่อผู้ต้องหา ผู้ต้องหาที่เหลืออีก 7 คนถูกแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงินประกอบด้วย

1. พ.ต.อ.หญิง วัทนารีย์ กรณ์ชายานันท์  ถูกนำตัวส่ง ห้องควบคุม สน. ยานนาวา

2. นายสิทธิพงษ์ ถือสัตย์เที่ยง

3. นายสิทธิไพบูลย์ คำนิล

4. นายฉัตรชัย ลาภอำนวยเจริญ

5. นายณัฐวุฒิ ศรีอ่อน

6. นายสิทธิกร ประภาจรัสวงศ์

7. นางสุรัสวดี ทองเพิ่มพลอย

สำหรับการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 8 รายในวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่จะนำตัวไปแยกฝากขัง ตามโรงพักในท้องที่ของกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 เพื่อรอการส่งฟ้องศาล อีกด้วย

ส่วนกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แจกใบแดง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ลาออกจากตำแหน่ง เพราะมองว่า มีพิรุธในการทำคดี โดยไม่นำผังเส้นทางการเงินเข้าสำนวน และแจ้งข้อหาฟอกเงิน

"สมศักดิ์"แถลงยึดทรัพย์"ตู้ห่าว"เพิ่ม 3 พันล้าน เป็นที่ดิน-โรงแรมหรูย่านบางเสาธง

ล่าสุด วันนี้ พล.ต.ท.ธิติ ออกมาเปิดใจว่า ไม่เสียกำลังใจที่ถูกนายชูวิทย์ตำหนิ

"ทำเต็มที่ครับ เราทำในเรื่องนี้เต็มที่ เราเป็นตำรวจ เราเป็นพนักงานสอบสวน เรารวบรวมพยานหลักฐานทุกอย่าง แต่ว่าความคืบหน้าอะไรขอให้เป็น ผบ.ตร.กับอัยการสูงสุดเป็นคนตอบ แต่ว่ามีความคืบหน้าไปได้มาก เสียกำลังใจไหมครับ  ไม่เลยครับ ไม่เลย"


และจากการทำสำนวน ยังไม่พบข้าราชการตำรวจนครบาลนายใดที่มีพฤติกรรมทุจริตกับการทำสำนวน และถ้าหากพยานหลักฐานครบ และสามารถเอาผิดผู้ต้องหาได้ ก็จะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ไม่มีการละเว้นกับบุคคลใดที่เกี่ยวข้อง

"พยานหลักฐานที่รวบรวมไว้ เมื่อมันเข้มงวดเข้ามาถึงจุดหนึ่งที่เราจะดำเนินการได้ อะไรหลาย ๆ อย่างที่จำต้องทำหรือตั้งใจจะทำไว้ตั้งแต่แรก เมื่อวันเวลา พยานหลักฐานมันครบถ้วน แล้วเป็นพยานหลักฐานที่จะเอาผิดผู้ต้องหาได้เราก็ต้องทำไปตามนั้น ถ้าเวลายังมีอยู่เราก็จะทำไปจนสุดทางไม่มีละเว้นใครไว้หรอกครับ แล้วก็ยืนยันว่าข้าราชการตำรวจนครบาลไม่มีพฤติกรรมที่จะทุจริต ไม่มีใครที่จะละเลยหลีกเลี่ยง ทุกคนทำงานเต็มที่"

ส่วนการแจ้งข้อหาฟอกเงิน หรือข้อหาอื่นเพิ่มเติม หากพบหลักฐานจะไม่มีการละเว้นในทุกกรณี พล.ต.ท.ธิติ ระบุว่า ตำรวจจะไม่ทำอะไรนอกเหนือขอบเขตกฎหมาย เพราะหากผิดพลาดจะมีผลกระทบ เช่น ถูกฟ้องกลับ และเรียกร้องค่าเสียหาย หากต้องนำเงินไปชดใช้ เป็นสิ่งที่ไม่ควร เนื่องจากเป็นเงินภาษีของประชาชน แต่ตำรวจจะไม่ทำอะไรนอกเหนือขอบเขตของกฎหมาย เพราะหากมีอะไรผิดพลาดก็จะมีผลกระทบต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่น การถูกฟ้องร้องกลับและเรียกร้องค่าเสียหายเป็นจำนวนมาก ยืนยันว่าการทำสำนวนไม่ได้ล่าช้า ยังอยู่ในกรอบที่กฎหมายกำหนด

ขณะที่ นายชูวิทย์ ล่าสุด โพสต์เฟซบุ๊กวิจารณ์ระบบยุติธรรมไทย ถึงกรณีนาย "ตู้ห่าว" ที่ตั้งข้อสังเกตว่า ส่อแววจะหลุดคดี โดยนายชูวิทย์ ระบุว่า ผมผ่านคดี เดินขึ้นลงศาล มีประวัติยาวเหยียดเป็นหางว่าวถึงเกือบ 20 คดี ทุกคดีความ มีแพ้มีชนะ ไม่มีเสมอ ซึ่งระบบยุติธรรมเมื่อขึ้นศาล ต้องพึ่ง "พยาน หลักฐาน" เป็นสำคัญ

ตู้ห่าวเป็นกรณีที่มีการอำพราง ปิดบัง ช่วยเหลือจากระบบยุติธรรม หากตำรวจทำคดีให้บิดเบี้ยวตั้งแต่ต้นน้ำเสียแล้ว กลางน้ำ และปลายน้ำย่อมไม่สามารถตรงได้ ตู้ห่าว เป็นกรณีที่มีการอำพราง ปิดบัง ช่วยเหลือจากระบบยุติธรรม ต้นน้ำ ที่เริ่มจากตำรวจ ก่อนส่งต่อไปที่ กลางน้ำ อัยการ และที่ ปลายน้ำ ศาล

หากตำรวจทำคดีให้บิดเบี้ยวตั้งแต่ต้นน้ำเสียแล้ว กลางน้ำ และปลายน้ำย่อมไม่สามารถตรงได้ หรือหากแม้ต้นน้ำจะมาตรง แต่กลางน้ำหวั่นไหว ก็ไปไม่ถึงปลายน้ำได้เช่นกัน

บางคดีมีคน "วิ่งเต้น" จนหลุดคดี ส่วนคนไม่วิ่งเต้นติดคุก ยิ่งหากเป็นคดีที่ผู้ต้องหาเป็นผู้มีอิทธิพล มีเงินมีทอง โอกาสหลุดรอดมีมาก ท้ายสุด หลุดออกมาคนก็งงกันเป็นแถบว่าหลุดได้ไง? และกลายเป็นแค่คำตอบสั้น ๆ ว่า "พยานหลักฐานอ่อน"

คดีตู้ห่าวลากยาวถึง 2 เดือนแล้ว ยังสาวไม่จบ มีผมร่วมแจม ดึงหน่วยงานสารพัด ดีเอสไอ ป.ป.ส. แม้แต่อัยการ ให้มาร่วมสอบสวนตั้งแต่ต้นน้ำ ชั้นตำรวจ

ผมในฐานะ "ประชาชน" ที่ใช้ประสบการณ์ทุ่มเท รู้เท่าทันลูกล่อลูกชนเล่ห์เหลี่ยมทุกชนิด ใต้ดินทุกรูปแบบ เพื่อให้ความยุติธรรมเดินหน้าอย่างตรงไปตรงมา  แม้จะเป็นเพียง "อุดมคติ" แต่หากเราไม่มีอะไรยึดถือ จะให้มีกฎหมายไปทำไม? แม้ต้องเหนื่อยยาก แต่จำเป็นต้องทำ "เมื่อความอยุติธรรมเป็นกฎหมาย การต่อต้านจึงเป็นหน้าที่"

ก่อนหน้านี้ นายชูวิทย์ ก็ออกมาโพสต์วิจารณ์การทำงานของตำรวจ เกรงว่าคดี "ตู้ห่าว" จะตามรอยคดี "หลงจู๊สมชาย" ที่ตอนแรกโดนข้อหา ตามยึดทรัพย์ แต่ตอนจบเดินออกจากคุกอย่างผู้บริสุทธิ์ เพราะสำนวน หรือ "หลักฐานอ่อน"

Bottom-PL-HLW Bottom-PL-HLW

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ