ความคืบหน้าคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง 5 ศพ ล่าสุดผลตรวจ DNA ศพทารกเพศชายที่ ถูกนำไปทิ้งย่านจตุจักร เมื่อปี 2556 เเละปี 2557 ยืนยันชัดเจนเเล้วว่าเด็กทั้ง 2 คน เป็นลูกของ "นายเอ็ม" กับภรรยาคนที่ 2 ทำให้ศาลอาญาอนุมัติหมายจับผู้เป็นเเม่ คือ "นางสาวเจษฎา"
ส่วนประเด็นทำร้ายลูกสาววัย 4 ขวบจนพิการ เเล้วนำรูปไปโพสต์เพื่อขอเงินบริจาค ตำรวจเตรียมดำเนินคดีกับ "นายเอ็ม"เพิ่มเติม ในข้อหาค้ามนุษย์
พบภรรยา “เอ็ม” เพิ่มอีกรวมเป็น 5 คน ตำรวจเร่งสอบเพิ่ม
แม่ร่ำไห้ขออโหสิกรรม-ทำบุญให้ลูก ตร.แจ้ง 5 ข้อหาหนัก!
โดยศาลอาญาอนุมัติหมายจับ นางสาวเจษฎา ภรรยาของนายเอ็ม 5 ข้อหาหนัก ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ลอบฝังซ่อนเร้น-ทำลายศพ เพื่อปิดบังสาเหตุการตาย ช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ และร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อม เพื่อให้มีผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป หรือเพื่ออำพรางคดี
พลตำรวจตรี นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ผลชันสูตรทารกเพศชายอายุ 10 เดือน ที่พบเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2556 เสียชีวิตจากภาวะระบบหายใจล้มเหลว ส่วนทารกเพศชาย อายุ 2 เดือน ที่พบในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2557 เสียชีวิตจากเเรงกระเเทกศีรษะแตก
สอดคล้องกับคำให้การของเจษฎา ก่อนหน้านี้ยอมรับว่า เอาศพลูกชายทั้ง 4 คนไปทิ้งอำพราง ทั้งที่จตุจักรเเละสายไหม นอกจากนี้เธอยังรับสารภาพว่า หลังจากนายเอ็มทำร้ายลูก ได้เอาลูกไปขังในตู้จนเสียชีวิต เมื่อปี 2557
อีกคนพฤติการณ์คล้ายกัน เหตุเกิดในปี 2561 ลูกไม่สบายจึงใช้ผ้าอุดปาก แล้วเอาไปขังไว้ในตู้วางทีวี เจ็บป่วยเรื้อรังกระทั่งเสียชีวิตในอีกหลายวันต่อมา
ถือว่าเป็นพยานหลักฐานที่เพียงพอที่จะดำเนินคดีกับ “นางสาวเจษฎา” พราะจากการสอบปากคำ นางสาวเจษฎา ทราบเรื่องทุกอย่าง และยังช่วยนำศพไปทิ้ง เนื่องจากถูก “นายเอ็ม” ทำร้ายร่างกายเเละข่มขู่ แต่ไม่ยอมแจ้งความ ถือว่ามีส่วนร่วมในการกระทำความผิด
อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวคือ ตำรวจนครบาล สนธิกำลัง ตำรวจ สน.บางเขน และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่ตรวจสอบอพาร์ทเม้นต์ แห่งหนึ่งในซอยพหลโยธิน 48 แยก 3 ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่ “นายเอ็ม” และ “นางสาวเจษฎา” หลบหนีมาพักอาศัย หลังจากที่ กัน จอมพลัง บุกไปช่วยลูกของเขา 2 คน วัย 12 และ 4 ขวบ จากที่พักเดิม ซึ่งอยู่ในซอยเดียวกันแต่อยู่แยก 11 ก่อนที่ทั้งคู่จะมาถูกตำรวจจับกุมตัวได้
ที่พักแห่งนี้เป็นลักษณะเป็นอพาร์ทเม้นต์ 4 ชั้น “นายเอ็ม” กับ “นางสาวเจษฎา” พักอยู่ชั้น 2 ห้องริมฝั่งซ้าย เจ้าหน้าที่ใช้เวลาตรวจค้นประมาณ 1 ชั่วโมง
ก่อนที่ พ.ต.อ. สุรพงค์ ธรรมพิทักษ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาลภาค 2 ออกมาให้สัมภาษณ์ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ “นายเอ็ม” มาติดต่อขอเช่ารายเดือน เพื่ออยู่กับ “นางสาวเจษฎา” เข้ามาที่นี่ตั้งแต่ 13 กันยายน การตรวจค้นพบเอกสารสำเนาบัตรประชาชนของนายเอ็มและนางสาวเจษฎา เอกสารครอบครองรถยนต์ ยา ปืนปลอม 1 กระบอก คาดว่าน่าจะเป็นปืนไฟแช็ค เทียน ไฟแช็ค มีดปลายแหลม 2 เล่ม ซึ่งตรงกับคำให้การของภรรยาหลายคน ที่บอกในทิศทางเดียวกันว่า นายเอ็มมีพฤติกรรมรุนเเรง กระทำทรมานพวกเธอเเละลูก ๆ หลายครั้ง ซึ่งหลักฐานที่ได้มีบางส่วนที่เป็นประโยชน์ต่อคดี เพราะเป็นจุดสุดท้ายที่ “เอ็ม” พักก่อนถูกจับกุม แต่ยืนยันว่าไม่ใช่สถานที่ใช้ทำร้ายร่างกายเด็กแต่อย่างใด และทั้งคู่ไม่ได้มีการนำเด็กมาพักอยู่ด้วย
ขณะที่ “นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์” หรือ “กันจอมพลัง” พาพี่เขยของนางสุนัน และเป็นลุงของเด็กหญิงวัย 4 ขวบ ลูกของนายเอ็มกับสุนัน มาพบพนักงานสอบสวน สน.บางเขน เพื่อยืนยันว่า เด็กหญิงวัย 4 ขวบ ไม่ได้พิการตั้งแต่กำเนิด อย่างที่นายเอ็มเคยเอารูปไปโพสต์ แอบอ้างเพื่อขอรับเงินบริจาค
พยานบอกว่า เขาเลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ เพราะ นางสุนัน และ นายเอ็ม เอามาให้เลี้ยง และเพิ่งไปเอาเด็กกลับมาเลี้ยงเอง ตอนอายุ 2 ขวบ จนกระทั่งมาเห็นว่า ปัจจุบัน มีอาการปากแหว่ง เสียใจมาก ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งนายเอ็มอ้างว่าที่ปากแหว่ง เป็นเพราะเชื้อรา แต่นางสุนันอ้างว่าหกล้ม ยอมรับว่าโกรธ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะ เด็กเป็นลูกของ 2 คนนั้น จึงขอให้ตำรวจพิจารณา ดำเนินคดีเพิ่มในข้อหาค้ามนุษย์
ส่วนบัญชีที่รับบริจาค ตรวจพบว่าตั้งแต่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีเงินโอนเข้ามา 17 รายการ ยอดเงินประมาณ 3,500 บาท มีโอนครั้งละ 7 บาท 100 บาท ยอดที่โอนมาครั้งเดียวมากที่สุดคือ 1,500 บาท
ส่วนเมื่อตรวจสอบว่า ใครเป็นคนโพสต์ขอรับบริจาค ตำรวจพบว่า มีทั้ง “นายเอ็ม” และ ภรรยา ช่วยกันโพสต์
ขณะที่ กรณีที่พบกระดูก 40 ชิ้น ได้รับการยืนยันจาก พลตำรวจตรีอรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการนครบาล 2 ว่า แพทย์ ได้ตรวจสอบ แล้วยืนยันว่า "ไม่ใช่กระดูกมนุษย์" จึงต้องนำตัว “นางสาวเจษฎา” กลับไปที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.อีกครั้ง ทันทีที่ “นางสาเจษฎา” เดินทางมาถึง ได้จุดธูป 1 ดอก ไหว้บริเวณหน้าศาลตายาย จากนั้นตำรวจพา “นางสาวเจษฎา” เดินสำรวจพื้นที่บริเวณนี้ ไล่ตั้งแต่ศาลตายาย ไปจนถึงหน้าปั๊มน้ำมัน ปตท. ระยะทางประมาณ 200 เมตร เพื่อให้ค่อยๆ รื้อฟื้นความจำ เมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว ก่อนจะบอกว่าจุดที่ทิ้งศพลูกสองคน คือทางออกปั๊มน้ำมัน ปตท. ทำให้ตำรวจต้องประเมินอีกครั้งว่าจะขุดบริเวณดังกล่าว เพื่อตามหาวัตถุพยานที่เป็นชิ้นส่วนร่างกายของเด็กทั้งสอง 2 อีกหรือไม่
หลังจากพาไปชี้จุดแล้ว เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบส่วนได้นำตัว “นางสาวเจษฎา” มาทำบันทึกจับกุม พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ก่อนนำตัวไปคุมขังเพื่อรอส่งศาลอาญาฝากขังต่อไป
ภาพจาก : รายการโชว์ข่าวเช้านี้