ชำแหละการเมืองท้องถิ่นปราจีนบุรี ทำไมต้องรุนแรงถึงชีวิต?

โดย PPTV Online

เผยแพร่

วิเคราะห์การเมืองท้องถิ่นทำไมต้องเล่นกันถึงตาย หลังสังคมมองเหตุ “สจ.โต้ง” ถูกยิงเสียชีวิตอาจเกิดจากความขัดแย้งทางการเมือง

จากกรณีเมื่อคืนวันที่ 11 ธ.ค. 67 เกิดเหตุการใช้อาวุธปืนยิง นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง เสียชีวิตในบ้านพักของ นายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี โดยผู้ก่อเหตุเป็นลูกน้องของนายสุนทร

เรื่องนี้ทำให้สังคมโฟกัสการเมืองท้องถิ่นว่าเกิดอะไรขึ้น และจากคลิปเสียงที่หลุดออกมาทำให้มีการคาดเดาว่าอาจเป็นความขัดแย้งเรื่องการแบ่งกันลงสมัครนายก อบจ. หรือไม่ หากใช่ คำถามสำคัญคือ การเมืองท้องถิ่นของบ้านเรา เดิมพันร้ายแรงจนถึงขั้นต้องแลกชีวิตกันเลยหรือ?

คอนเทนต์แนะนำ
2 มือปืนรับสารภาพ! ยิง “สจ.โต้ง” ตร.แจ้งข้อหาหนัก “โกทร” โดนด้วย!
ผบ.ตร.คาดปมสังหาร “สจ.โต้ง” เอี่ยวการเมืองท้องถิ่น
ภรรยา “สจ.โต้ง” รับศพสามี เผยไม่รู้ปมขัดแย้ง-วันเกิดเหตุรู้แค่ไปธุระ!

ชำแหละการเมืองท้องถิ่นปราจีนบุรี ทำไมต้องรุนแรงถึงชีวิต? รายการเข้มข่าวเย็น
นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง

ปราจีนบุรี หนึ่งในพื้นที่ผลประโยชน์สูง

คุณวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี พรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวในรายการเข้มข่าวเย็น ช่วง Exclusive Talk คุยข้ามช็อต ทางช่อง PPTV HD 36 วันที่ 12 ธ.ค. 67 ว่า ปราจีนบุรีเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างมีความดุเดือดในทางการเมือง

“ถามว่ารุนแรงแค่ไหน เล่าย้อนไปสัก 15 ปี เคยมีข่าว อบต. พื้นที่หนึ่ง ครั้งแรกที่ลงเลือกตั้ง เกิดเหตุรถระเบิด ขาขาด ต้องเว้นว่างไม่มี อบต. ไป 4 ปี พอเลือกตั้งอีกครั้ง กำลังจะมี อบต. ก็ถูกกราดยิงอีก ย้อนหาข่าวดูจะเจอ” คุณวุฒิพงศ์กล่าว

สส.ปราจีนบุรีเสริมว่า รายละเอียดในปราจีนบุรีที่หลายคนไม่ทราบคือ ปราจีนบุรีเป็นจังหวัดที่มี GDP ต่อหัวสูงติด 1 ใน 5 ของประเทศ มีเรื่องการประกอบกิจการมากมายในจังหวัด นิคมอุตสาหกรรม ถึงจะยังไม่ได้เข้า EEC (ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก) แต่ปีหน้าปราจีนบุรีจะเป็นจังหวัดที่ 4 ที่จะเข้า EEC แล้ว

คุณวุฒิพงศ์บอกว่า “ปราจีนบุรีไม่มีแค่ 3 ปัญหา คือเรื่องชาติพันธุ์ เรื่องประมง และเรื่องชายแดน นอกนั้นมีครบหมด บ่งบอกว่าปราจีนบุรีมีหลากหลายเรื่องราวปัญหา มีธรุกิจหลายประเทศ เกิดปัญหาตามมาเป็นเงาตามการเตือบโต มีการแข่งขันสูง”

รู้จักโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” พัก-ยกเว้น ดอกเบี้ย 3 ปี ครอบคลุมลูกหนี้ 1.9 ล้านราย

ภรรยา “สจ.โต้ง” รับศพสามี เผยไม่รู้ปมขัดแย้ง-วันเกิดเหตุรู้แค่ไปธุระ!

ปธน.เกาหลีใต้แถลงยืนยัน กฎอัยการศึกเป็นการปกป้องประเทศและประชาธิปไตย

ด้าน รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า โครงสร้างการเมืองท้องถิ่นในหลายพื้นที่ทุกวันนี้ยังผูกติดกับตัวบุคคล ขาดกลไกการคัดสรร ทำให้เมื่อหลายครั้งคุยกันไม่ลงตัวมักจบที่ความรุนแรง เมื่อการเลือกตั้งเป็นแค่พิธีกรรม ทำให้ท้ายที่สุดต้องไปเคลียร์กันข้างหลัง ถ้าฝั่งหนึ่งถือคะแนนเสียง อีกฝั่งไม่มีช่องทางอยากหาลู่ทาง พอคุยกันไม่ลงก็จบแบบที่เห็น

“ในไทย หลายพื้นที่ไม่น้อยเป็นแบบนี้ ภาคตะวันออกเอวมีบ้านใหญ่เยอะ เป็นผลจากภูมิรัฐศาสตร์ การที่ติดชายแดน ติดชายทะเล ช่องทางธรรมชาติเยอะ เกิดเหตุอะไรเข้าออกง่าย รวมถึงมีเรื่องการค้าชายแดนที่มีผลประโยชน์แอบแฝง ทั้งธุรกิจผิดกฎหมาย บ่อนชายแดน สินคาหนีภาษี ของเถื่อน มีเศรษฐกิจนอกระบบเยอะ” รศ.ดร.ยุทธพรบอก

มาเกี่ยวการเมืองท้องถิ่น แปรรูปมาจากการเกิดรัฐในลักษณธรัฐเจ้าพ่อในอดีต สัมพันส่วนกลาง ราชการ หลายครั้งเกิดเรื่องก็จบเงียบ ๆ ยังมีกมคุ้มครองคนในพิ้นที่กังวล

คุณวันวิชิต บุญโปร่ง นักวิชาการรัฐศาสตร์ เสริมว่า หลายจังหวัดในภาคตะวันออก ถ้าไปสำรวจสาแหรกผู้มีอิทธิพล จะพบว่ามาจากธุรกิจนอกระบบทั้งสิ้น มีไม่กี่ตระกูลที่ประกอบสัมมาอาชีพสุจริต

“ความอุดมสมบูรณ์ของการเป็นเมืองชายแดนมีผลมาก เพราะผู้มีอิทธิต้องการทรัพยากร ถ้ามั่งคั่งการเลี้ยงดูปูเสื่อก็ตามมา สามารถสร้างเครือข่ายได้ไว ในประวัติศาสตร์ เจ้าพ่อภาคตะวันออกรู้จักสร้างอำนาจกับจอมพลทั้งหลาย พอมั่งคั่ง ปรารถนาลงเล่นสนามการเมือง บางคนเริ่มจากระดับท้องถิ่น บางคนไประดับชาติ” คุณวันวิชิตกล่าว

นักวิชาการรัฐศาสตร์มองอีกเหตุผลที่ทำให้การเมืองท้องถิ่นดุเดือดคือ ภัยคุกคามจากการเมืองแบบใหม่

คุณวันวิชิตบอกว่า ตระกูลการเมืองในบางพื้นที่เริ่มถูกท้าทาย เริ่มถูกรุกพื้นที่เขตอำนาจ บางตระกูลไม่ได้ปรับตัว ทำให้แพ้การเลือกตั้งระดับใหญ่ ต้องหันกลับมาเล่นสนาม อบจ. นายกเทศมนตรี ให้ยังเป็นคนของตระกูลตัวเองอยู่

ถ้าการเมืองโลกเก่ายังอยู่ ความรุนแรงแบบนี้ก็จะยังเกิด?

คุณวุฒิพงศ์บอกว่า สมัยที่ลงสมัคร สส. ใหม่ ๆ เคยคิดว่าแค่เอานโยบายไปสู้ก็สามารถเอาชนะได้ แต่พอได้เรียนรู้จริง ๆ มีเรื่องเส้นสาย ผลประโยชน์แอบแฝง เป็นเหมือนภูเขาน้ำแข็งที่ใหญ่มาก

“ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ สจ.โต้ง เป็นเหตุใหญ่ อุกอาจ แต่โซเชียลไวมาก ทั้งเสียงทั้งภาพ ประชาชนปะติดปะต่อเรื่องได้ เรื่องระบบอุปถัมภ์ เส้นสาย อำนาจ ซุ้ม มือปืน ซึ่งเรื่องเหล่านี้มีอยู่ในหลายจังหวัด ไม่ใช่แค่ปราจีนบุรี” สส.ปราจีนบุรีกล่าว

คุณวุฒิพงศ์เสริมว่า “ผมเอง ตอนลงสมัครเลือกตั้ง มีไลฟ์สดคุยชาวบ้าน เขาบอกให้ไปวิ่งเหมือนชัชชาติ เรียกกระแส ผมเชื่อว่านน่าจะวิ่งได้ 2 วัน วันที่ 3 คงไม่รอด”

คุณวุฒิพงศ์บอกอีกว่า การเมืองท้องถิ่นจะมี 3 รูปแบบกว้าง ๆ คือแบบบ้านใหญ่ที่มีอิทธิพลอำนาจจ๋า ๆ กับแบบกลางที่พอพูดคุยได้ และแบบใหม่ ซึ่ง 3 รูปแบบนี้ความจริงมีการกระทบกระทั่งกันหมด แต่วิธีปะทะแตกต่างกัน

ถ้าแบบเดิม มีระบบเครือข่าย มีปัจจัยด้านทรัพยากร ต้องอุ้มลูกเจี๊ยบ สจ. 20 ตัว มีเงินมีหลายอย่างทรัพยากรที่จะต้องให้ หลายอย่างจะเป็นการช่วยดึงคะแนนกลับมาให้นายก อบจ. เมื่อผลประโยชน์และทรัพยากรมาก หากเกิดความขัดแย้ง จึงมักรุนแรง ถ้าเคสที่รุนแรงมากก็อาจจบแบบกรณี สจ.โต้ง

ส่วนถ้าเป็นการเมืองแบบใหม่ จะเป็นการปะทะในลักษณะเขตใครเขตมัน ทีมนี้จะไม่ช่วยทีมนั้นนะ หรืออาจแข่งกันเลย แบ่งเป็นเสี้ยว ๆ บางทีป้ายใช้รูปเดียวกันคนละเบอร์ก็มี ก็หาเสียงสู้ท้าชนกันเลย ว่าประชาชนจะเลือกใคร

นั่นหมายความ ต้องเปลี่ยนการเมืองแบบเก่าให้ได้ ไม่อย่างนั้นความรุนแรงแบบนี้อาจเกิดขึ้นอีก

คุณวันวิชิตบอกว่า ต้องเปลี่ยนระบบการเลือกตั้งท้องถิ่น เปิดให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้า การเลือกตั้งนอกเขต เหมือนกับการเลือกตั้งระดับชาติ จะลดความได้เปรียบของการเมืองแบบเก่า เพราะประชาชนที่อยู่ที่อื่นสามารถใช้สิทธิเลือกได้ “เสียงคะแนนธรรมชาติจะมาทำลายระบบจัดตั้ง”

รศ.ดร.ยุทธพรเสริมว่า นอกจากเปลี่ยนระบบเลือกตั้งท้องถิ่น ต้องเปลี่ยนระบบราชการและภาครัฐไม่ให้สนับสนุนการเมืองแบบนี้ “เจ้าพ่อแต่ละพื้นที่เกิดไม่ได้ถ้ารัฐไม่สนับสนุน การเมืองเจ้าพ่อเกิดไม่ได้ ราชกรารสนับสนุน เกิดละเมิดกม

หรืออดีต 60-70 ปีที่แล้ว ก็มทาจากรัฐ เป็นมิตรกับบทบาทอำนาจศก หรือมีบารมีต่าง ๆ

คุณวันวิชิตเห็นด้วย โดยบอว่า ทุกกลไกอำนาจรัฐ นักการเมืองท้องถิ่นต้องการเข้าถึงทั้งนั้น ไม่ใช่แค่ทหารตำรวจ แต่ถ้าได้ทั้งแพ็กเกจ รับประกันหลายอย่างได้ ในขณะเดียวกัน บ้านใหญ่ที่มีบารมีสะสมมาก สามารถเนรมิตอนาคตของข้าราชการให้คุณให้โทษได้

คุณวุฒิพงศ์ย้ำว่าเรื่องเหล่านี้ต้องเปลี่ยน ไม่ใช่แค่ปราจีนบุรีแต่ทุกจังหวัด

“ไม่ใช่เฉพาะปราจีนบุรี ทุกจังหวัดต้องเปลี่ยนผ่าน การเมืองแบบบ้านใหญ่กำลังมีปัญหา กำลังเป็นขาลง ต้องเป็น สส.แบบใหม่ ตระกูลการเมืองต้องปรับตัว วาระการทำงานต้องชัด ทำสิ่งที่แตกต่างให้ประชาชนสนับสนุน” สส.ปราจีนบุรีกล่าว

เขาบอกว่า “การเปลี่ยนแปลงพัฒนาที่เป็นรูปธรรมจะต้องชัด การกดดันหรือบทบาทในสภาต้องทำให้เห็น พูดให้เยอะ สร้างระบบนิเวศแบบใหม่ เริ่บกระบวนการใหม่ ให้โลกเก่าปรับตัวตามเรา ทุกจังหวัดควรเป็นแบบนั้น”

Bottom-BDMS Bottom-BDMS

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ