คดีที่สังคมกำลังตั้งคำถามอย่างมากมายในขณะนี้ แน่นอนว่าคือประเด็นการเสียชีวิตของ “ผู้กำกับโจ้” ในเรือนจำคลองเปรม ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ได้ออกมายืนยันว่าเป็นการกระทำอัตวินิบาตกรรม ก่อนจะส่งศพไปชันสูตร ทว่ารายละเอียดในเหตุการณ์รวมถึงพฤติกรรมต่าง ๆ ไปจนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายใน เป็นสิ่งที่น้อยคนจะสามารถเข้าถึงข้อมูลความจริงเบื้องหลังลูกกรงนั้น จึงกลายเป็นข้อสงสัยในหลากหลายประเด็นแก่สังคม
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ อดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ นายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ร่วมพูดคุยกับ PPTV พร้อมวิเคราะห์เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวในรายการคุยข้ามช็อต Exclusive Talk ไว้อย่างน่าสนใจ
"หมอพรทิพย์" มองคดีนี้แปลก ชี้ แขวนคอฆ่าอำพรางในคุกก็มี
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า กรณีสาเหตุการเสียชีวิตที่ดูเหมือนฆ่าตัวตาย ส่วนตัวจะยังไม่คิด 100% เพราะการอำพรางด้วยการแขวนคอตายก็มี ยิ่งมาเจอเคส ผกก.โจ้ ก็เห็นความแปลกเต็มไปหมด การชันสูตรต้องบอกสิ่งที่พบก่อน ต้องมีรอยที่เข้าได้กับการแขวนคอ ต้องเฉียงขึ้น กว้างเท่าไร เข้าได้กับผ้าไหม แล้วค่อยบอกสิ่งที่ไม่พบ
แต่นี่ไม่บอกอะไรเลย เราก็ไม่รู้ หรือถ้ากดที่หลอดลมแล้วลิ้นจุกปาก กดโดนเส้นเลือดดำ อาจมีเลือดหรือมูกออกที่จมูก เป็นการตายที่ไม่เห็นอะไรผิดปกติ ซึ่งไม่ต่างจากการถูกจับแขวน เพราะฉะนั้นการถูกจับแขวนก็ใช่ว่าจะไม่มี
ฉะนั้นหน้าที่ของหมอต้องระบุว่าเห็นแผลอย่างไร เห็นลักษณะการมีชีวิตตอนแขวนหรือไม่ เพราะตายก่อนแล้วจับแขวนก็มี หรือไม่ตายแล้วหมดสติ ก็จับแขวนได้ ต้องตรวจทุกอย่างประกอบกับพยานบุคคล ใช้นิติวิทยาศาสตร์ทั้งหมด
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวต่อว่า คดีนี้มีความแปลก ตนเพิ่งทราบช่วงบ่ายวันที่ 10 มีนาคมว่า มีเจ้าหน้าที่ หมอ ปลัดอำเภอ อัยการ เข้าไปเวลา 09.00 น. แต่เจอศพราว 20.30 น. แต่ไม่มีคำอธิบาย
ขณะที่การนั่งผูกคอแล้วกระชากลงมาสุดแรงนั้น พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า หลักการโดยทั่วไปคือ ใช้วัสดุอะไรก็ได้ที่สามารถพัน แขวน แล้วทิ้งน้ำหนักตัวกระตุกลงมาได้ และสอง จะใช้ท่าอะไรก็ได้ ท่านอน ท่ายืน เท้าติดดิน เท้าลอยจากพื้น ก็สามารถฆ่าตัวตายได้หรือแขวนคอได้ เพราะใช้จังหวะกระตุก จึงต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าขณะแขวนคอนั้นผู้ตายมีชีวิตอยู่
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า การตายยิ่งพบเร็วยิ่งสามารถตอบได้อย่างแม่นยำ หากมาช้าเกือบ 12 ชม. การเปลี่ยนแปลงหลังตายจะเปลี่ยนหมด เพราะฉะนั้นเมื่อเวลาเจอหลายครั้งที่มีความขัดแย้ง เช่น เลือดตกลงสู่ที่ต่ำ ไม่เข้ากันกับท่าแขวนคอ แปลว่านอนอยู่แล้วอุ้มจับแขวน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้หากเข้าเร็วจะยิ่งเห็นความผิดปกติ
อย่างไรก็ตาม คนกระทำผิดไม่ได้หมายความว่าจะต้องได้รับอะไรที่แย่กว่าคนธรรมดา คำถามคือ คนรับรู้ว่ามีการกระทำของเจ้าหน้าที่ต่อนักโทษ รัฐมีระบบอะไรไหมที่จะตรวจสอบมากกว่าบอกว่า อันนี้ไม่ถูกระเบียบ อันนั้นยังไม่มา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดเหตุแล้ว ไม่ได้เพิ่งร้อง เรื่องนี้ต้องปรับตัวทุกหน่วย ไม่ใช่ว่าปกป้อง การตอบคำถามสังคมเร็วนั้นดี แต่ข้อมูลต้องถูกต้องด้วย
"จตุพร" เล่าประสบการณ์ในเรือนจำ แนะกระทรวงยุติธรรมปรับความรวดเร็วในการรักษา
นายจตุพร กล่าวว่า เวลาที่นักโทษมีปัญหา เจ็บไข้ได้ป่วย กุญแจจะไม่ได้อยู่ในแดนนั้น ๆ จะอยู่ในส่วนควบคุมเพื่อความปลอดภัย ส่วนผลเสียเช่นการเจ็บไข้ได้ป่วย หรือกรณีของผู้กำกับโจ้ ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในเรือนจำ ต้องไปแจ้งผู้คุม ผู้คุมไปแจ้งส่วนควบคุมในเรือนจำ แจ้งสถานพยาบาล หลายกรณีก็ตายกันก่อน
ส่วนตัวมีกรณีเรื่องของการแขวนคอ ในลักษณะเหมือนกับ ผกก.โจ้ แต่กรณีนั้นไปแขวนกับหัวเสาราวตากผ้า ซึ่งต่ำกว่าตัว ผู้ต้องขังรายนี้สูง 180 ซม. อัธยาศัยไมตรีดี ไม่มีวี่แวว ตอนเช้าเขายกมือไหว้ทักทายกันทุกวัน เรือนจำจะมีการวางด่านหลังห้องน้ำซึ่งเป็นพื้นที่ราวตากผ้าเพื่อป้องกันการมั่วสุม วันหนึ่งฝนตกหนัก ด่านแตก พอฝนหายไป ตนไปเข้าห้องน้ำมองเห็น เขานั่งกึ่งขัดสมาธิ ทิ้งตัวลง แล้วก็ตาย
หลังจากที่ตายแล้วเราเข้าไปทำอะไรไม่ได้ ทางเรือนจำต้องรอตำรวจ เจ้าหน้าที่อื่น ๆ ญาติ เข้ามาทำอะไรให้เรียบร้อย จึงจะเอาศพออกไปได้ อุปกรณ์ในการแขวนคอถ้าคนคิดจะฆ่าตัวตาย นอกจากผ้าขนหนูแล้ว สายเชือกกางเกงก็ผูกได้ถ้าคิดจะผูก
นายจตุพร กล่าวต่อว่า ปัญหาคือเรือนจำต้องนำคลิปฉบับเต็ม รวมถึงภาพที่ต้องบันทึกไว้ได้ทั้งหมดมาดู ซึ่งความล่าช้านั้นเป็นปัญหาของการเข้าไปอยู่แล้ว เช่นกรณีดังกล่าวผูกคอตายประมาณบ่ายโมงเศษ กว่าตำรวจและญาติจะเข้ามาประมาณทุ่มเศษ แต่ในช่วงที่ผู้ต้องขังเข้าเรือนนอน ยืนมองก็ต้องเห็น หรือถ้าตายในเรือนนอนก็หนักกว่านี้ เรือนจำก็เป็นอย่างนี้
การผูกคอตายลักษระท่านั่ง มีให้เห็นมาก ส่วนกรณีตายโดยการเอาหัวไปโขกกำแพงก็มี เช่น ผู้ต้องขังรับรู้ข้อมูลจากญาติว่าภรรยาไปมีครอบครัวใหม่ กลับมาถึงก็โหม่งหัวก็มี เหมือนสุสานคนเป็น ถ้าปล่อยวางไม่ได้ก็จะมีอาการกันแทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะคนที่ติดนาน รักษาครอบครัวไว้ไม่ได้
นายจตุพร เล่าว่า สมัยก่อนการฆ่าในเรือนจำมี ใช้แปรงสีฟันเหลาแหลมตอนปลายจ้วงหน้าอก เรียกว่า “ซามูไร” ช่วงหลังเรือนจำเข้มงวดขึ้น ใช้กล้องเป็นตัวกำหนด ซึ่งจะเห็นผู้ต้องขังทั้งหมด โดยเฉพาะผู้ต้องขังห้องเดี่ยวยิ่งต้องระมัดระวัง ไม่ใช่เรื่องข้อมูลส่วนบุคคล แต่เป็นเรื่องความปลอดภัย ตนก็ไม่แน่ใจว่าเรือนจำคลองเปรมมีนโยบายไม่ใส่กล้องอย่างไร
ส่วนการเข้าไปที่ห้องขังซอยมี 2 กรณี เช่น ถูกลงโทษ 15 วัน ก็ให้ขังเดี่ยว 24 ชม. หรือถ้าหากมีโรคประจำตัว ไม่สามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นได้ ก็เข้าไปห้องขังซอย แล้วออกมามีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับผู้อื่นได้ เช่นเดียวกับกรณีข้องอดีต ผกก.โจ้ เป็นการสมัครใจเข้าไป สิ่งที่น่าสนใจคือ ไม่ควรอ้างว่าเป็นความลับของผู้ต้องขัง
นายจตุพร กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมต้องคิดมาตรการเสียใหม่ในเรื่องความรวดเร็ว เพราะมีกรณีที่ผู้ต้องขังป่วยตาย เช่น ความดัน รักษาไม่ทัน ขนาดโรงพยาบาลราชทัณฑ์รั้วติดกันยังไม่ทัน กรณีนี้ให้สืบสวนตามข้อเท็จจริงผิดว่าตามผิด อีกทั้งการเอายาเข้าไปในเรือนจำไม่ใช่เรื่องง่าย ยกเว้น ผู้คุมเอาไปให้ หรือต้องได้รับการยินยอมจากแพทย์ โดยเรือนจำคลองเปรมนั้นพิเศษตรงที่มีประตูเชื่อมต่อเดินเข้าไปทะลุโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้ทันที
"สายหยุด" ตั้งข้อสังเกต "คดีฟอกเงิน" อาจบังคับ "อดีตผกก.โจ้" ต้องตาย!
นายสายหยุด กล่าวว่า หากเข้าไปอยู่ในเรือนจำแล้วถือเป็นข้อยกเว้น เข้าไปตรวจสอบลำบาก เข้าไปถึงข้อเท็จจริงเข้าไปถึงวัตถุพยานต่าง ๆ ยาก เรื่องตำรวจสอบปากคำไม่ได้นั้นแบ่งเป็นสองเรื่อง เรื่องแรกตำรวจไม่ได้รับแจ้งชื่อทนายความกับญาติที่จะไป ถ้าจะเข้าไปในเรือนจำต้องมีหนังสือเข้าไปก่อน ไม่ใช่อยู่ ๆ จะเดินเข้าไปได้
พอมาครั้งที่ 2 ฝ่ายกฎหมายเรือนจำตรวจหนังสือมอบอำนาจให้ไปแจ้งความ แต่หนังสือฉบับนั้นไม่มีลายมือชื่อของผู้คุมรับรอง อาจจะมองว่าไม่ถูกต้องตามระเบียบ เพราะตามหลักการมอบอำนาจแล้วต้องให้ผู้คุมลงลายมือชื่อรับรอง
นายสายหยุด กล่าวต่อว่า ส่วนตัวมองว่า อดีต ผกก.โจ้ คิดว่าน่าจะมีการพยายามแจ้งความ บอกว่าตนเองถูกทำร้าย กลั่นแกล้ง ส่วนการย้ายนาย ส. ผู้คุมอดีต ผกก.โจ้ นั้นทางเรือนจำจำเป็นต้องย้าย เนื่องจากการสอบสวนหาข้อเท็จจริงหรือการเข้าไปทำอะไรนั้นไม่ได้ง่ายขึ้น ผู้คุมมีอิทธิพลมากในแดน ซึ่งจะส่งผลไปถึงพยานที่รู้เห็นต่าง ๆ นานา จะมีใครกล้าพูดอะไรหรือเปล่า เรื่องที่เห็นอาจบอกว่าไม่เห็น เพราะเขายังอยู่ในเรือนจำ ปราศจากอิสรภาพแบบเรา เรื่องที่เห็นก็อาจพูดไม่ได้ พูดไปก็อันตราย
นายสายหยุด ตั้งข้อสังเกตว่า หากย้อนไปยังคดีถุงดำ ผกก.โจ้ รับผิดคนเดียว ฟ้องคนเดียว ไม่มีผู้ร่วม ไม่มีใครบังคับให้เข้าเสียชีวิตแน่นอน แต่อย่าลืมว่าเขามีคดีฟอกเงิน โดนยึดทรัพย์ไปมูลค่าหลายร้อยหลายพันล้าน ซึ่งคดีฟอกเงินมีทั้งทางแพ่งและทางอาญา ทางแพ่งยึดทรัพย์ริบทรัพย์เป็นของแผ่นดิน ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าเป็นทางอาญาพบว่ามีผู้อื่นร่วมฟอกร่วมกระทำความผิด เป็นแรงจูงใจที่โยงใยไปถึงบุคคลภายนอก จะเป็นแรงจูงใจทำให้คนมากดดันเพื่อให้เขาฆ่าตัวตาย หรือบังคับให้เขาตาย หรือไม่? ซึ่งถ้าดำเนินการในทางอาญาก็จะลำบาก เหมือนคัตเอาต์ตัด ไม่มีประจักษ์พยาน ซัดทอดต่อรองใครไม่ได้
นายสายหยุด กล่าวต่อว่า ในระบบทั้งระบบจะสืบสวนไปได้ถึงขนาดไหน ซึ่งขณะนี้ตายเองหรือใครทำให้ตายยังสงสัยอยู่เลย ตายเอง หรือตายแล้วแขวน หรือแขวนแล้วตาย ก่อนที่ ผกก.โจ้ เข้าห้องไปมีใครเข้าไปนั่งรอไหม กล้องเขายังให้มาเป็นช่วง ๆ คนก็ยังสงสัยอยู่ ส่วนตัวคิดว่าคาดหวังลำบากหากหาว่าใครเป็นคนทำ
ชี้จุดผิดพลาดคดีอดีต ผกก.โจ้
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า ความไม่เชื่อและสิ่งที่เราอยากให้เป็นจากคดีนี้ไม่ได้ผิดปกติ สหประชาชาติจึงออกแนวทางตั้งแต่ปี 2016 เป็นการขอให้ประเทศสมาชิกออกแนวทางตาม คือ คนที่ติดคุกมีสิทธิส่วนบุคคลที่จะอยู่ ไม่ควรจะไปทำอะไรกับเขา ดังนั้นเมื่อมีการตายที่เกี่ยวกับกับการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ จำเป็นต้องมีระบบที่ดี ได้มาตรฐานโปรงใส ตรวจสอบได้ แต่ไทยปฏิเสธการนำแนวทางนี้มาใช้
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวต่อว่า ข้อหนึ่งที่เห็นชัดเจน ทำให้เรารู้ว่าผิดปกติคือ คุณหมอต้องมีอิสระที่จะพูด เพราะหมอมีหน้าที่เพื่อความยุติธรรม ต้องไม่ให้รับแรงกดดันจากตำรวจหรือหน่วยงานที่จ้าง เพราะฉะนั้นคดีนี้ หมอนิติเวชคนแรก จากสถาบันนิติเวช คือคนที่สำคัญที่สุด รวมถึงต้องตอบด้วยว่ามีอะไรผิดปกติไหม มีการเปลี่ยนแปลงก่อนตายอย่างไร หยดเลือดเป็นอย่างไร เพราะเขาคือคนแรกที่เห็นที่เกิดเหตุ
นอกจากนี้จะไปถามคุณหมอคนที่สองไม่ได้ และหมอคนที่สองตอบว่าไม่น่ามีอะไรผิดปกติไม่ได้ เพราะไม่ได้เห็น การตายในเรือนจำนั้นควรเหมือนกัน แต่แล้วแต่ว่าที่ไหนตามใครได้ แต่คดีนี้นั้นใหญ่
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวต่อว่า กล้องวงจรปิดนั้นมีทั้งหมด แต่การดีเลย์ไม่สืบสวนสอบสวน คำถามคือสามารถทำให้เร็วเหมือนในวันที่เขาตายได้ไหม ย้อนไปวันเวลาที่เขาอ้างว่าถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งเราน่าจะได้คำตอบว่าลบทิ้งหมดแล้ว เป็นการดีเลย์ให้ไม่สามารถทำอะไรได้ แนะนำให้สังคายนาเรื่องนี้
ต่อให้เป็นการแขวนคอตายทำเอง แต่การมีปัญหากับผู้คุมและระบบการให้ความเป็นธรรมนั้นต้องแก้ ไม่ใช่ว่าสืบไปจนพบว่าเขาแขวนคอตายแล้วทุกอย่างจบหมด ไม่ได้ ส่วนกระบวนการที่เขาถูกทำร้ายมาก่อนยังต้องดำเนินการต่อ และเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า พ.ร.บ. ห้ามซ้อม ทรมาน นั้นฟังก์ชันหรือไม่
ด้านนายสายหยุด กล่าวว่า หากผู้ต้องขังสงสัยผู้คุมหรือเจ้าหน้าที่หรือเพื่อนร่วมแดน ต้องมาค้นพยานหลักฐานเบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็นในแชตมือถือ เป็นการสั่งการ หรืออย่างอื่น ต้องรีบหาและตรวจสอบก่อน อย่าปล่อยไว้นานเพราะเดี๋ยวจะแต่งเติมขึ้นมาได้
ส่วนตัวมองว่ารัฐมนตรีหรือผู้มีอำนาจก็พยายามทำความจริงให้ปรากฏ สมมติว่าตั้งข้อสันนิษฐานแล้วพบว่าผู้คุมคนนี้ผิด ก็ให้เขารับไป แต่ถ้าอึมครึมหรือปิดไว้ ไม่เปิดให้เคลียร์ จะเสียหายทั้งหมด ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏจะอย่างไรก็อย่างนั้น แม้กระทั่งบุคคลภายนอกที่มาเข้าเยี่ยม ทุกอย่างก็จะต้องเคลียร์
ขณะที่ นายจตุพร กล่าวว่า ตนมองว่าการคุยกับภรรยาครั้งสุดท้าย หรือก่อนหน้านั้น นั้นสำคัญ ทั้งกล้องและการบันทึกย้อนหลังนั้นหากมาซอยย่อยแล้วจะเข้าใจว่าสาเหตุนั้นมาจากอะไร
ระบบราชทัณฑ์นั้นส่วนตัวมองว่าท้ายที่สุดกรณีความตายผิดธรรมชาติแบบนี้ เจ้าหน้าที่ต้องรีบชันสูตรอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่รอ