ผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ต่อภาคธุรกิจไทย ส.ค. 2565 พบว่า การฟื้นตัวของธุรกิจภาคการผลิตทรงตัวจากเดือนก่อน ขณะที่ภาคที่ไม่ใช่การผลิตปรับดีขึ้นจากธุรกิจในภาคการท่องเที่ยว การก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ ตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลังการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ
โจทย์ใหญ่ท้าทายผู้ประกอบการ "ขึ้นค่าแรงท่ามกลางเงินเฟ้อสูง"
ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ กระทบกำไร 5-15% กลุ่มธุรกิจที่พึ่งพาแรงงานสูง
แต่กำลังซื้อที่อ่อนแอยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญที่สุดต่อการฟื้นตัวของธุรกิจในภาพรวม ด้านการจ้างงานปรับดีขึ้นสอดคล้องกับการฟื้นตัวของธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจในภาพรวมสภาพคล่องใกล้เคียงกับเดือนก่อน แต่เริ่มเห็นบางธุรกิจที่ไม่ใช่ภาคการผลิต เช่น การค้า ที่พักแรม ก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์มีสภาพคล่องในระยะ 3-6 เดือนเพิ่มขึ้น
ราคาสินค้า 5 กลุ่มจ่อขึ้นอีกในช่วง 3 เดือนข้างหน้า
ธุรกิจในภาคการผลิตส่วนใหญ่ส่งผ่านราคาจากต้นทุนที่ปรับสูงขึ้นไปยังผู้บริโภคบ้างแล้ว แต่สามารถนำต้นทุนส่วนนี้ไปคิดรวมเป็น "การเพิ่มราคาสินค้า" ได้มากนัก โดยปรับขึ้นราคาสินค้าไม่เกิน 5% ของราคาก่อนปรับ ขณะที่ธุรกิจที่ไม่ใช่ภาคการผลิตส่วนใหญ่ยังรอการปรับขึ้นราคาสินค้า
ในอีก 3 เดือนข้างหน้าธุรกิจส่วนใหญ่ในภาพรวมจะยังไม่ปรับขึ้นราคาสินค้าอีกระลอก เนื่องจากราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้นอีกจะยิ่งซ้ำเติมปัยหากำลังซื้อที่อ่อนแอ
แต่พบว่า...หลายธุรกิจที่ปรับขึ้นราคาสินค้าไปแล้วในช่วงต้นปีมีแผนจะปรับขึ้นราคาสินค้าอีกครั้ง ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า คือ
1.ที่พักแรมและร้านอาหาร
2.การค้าส่ง
3.การผลิตเคมี ปิโตรเลียม ยาง พลาสติก
4.อาหาร เครื่องดื่ม
5.การค้าปลีก
ธุรกิจในภาคการผลิตส่วนใหญ่ส่งผ่านราคาจากต้นทุนที่ปรับสูงขึ้นไปยังผู้บริโภคบ้างแล้ว ขณะที่ธุรกิจที่ไม่ใช่ภาคการผลิตส่วนใหญ่ยังรอการส่งผ่านราคา
อย่างไรก็ดี ในอีก 3 เดือนข้างหน้าธุรกิจส่วนใหญ่ในภาพรวมจะยังไม่ปรับขึ้นราคาสินค้าอีกระลอก เนื่องจากราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้นอีกจะยิ่งซ้ำเติมปัญหากำลังซื้อที่อ่อนแอ
ข้อมูลจาก : ธนาคารแห่งประเทศไทย