เมื่อวานนี้ (18 ธ.ค.) ทวิตเตอร์ประกาศว่า จะทำการ “แบน” ลิงก์ URL ที่เชื่อมไปยังโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น เฟซบุ๊ก หรืออินสตาแกรม และจะทำการระงับบัญชีผู้ที่พยายามนำลิงก์ของแพลตฟอร์มอื่นมาแปะหรือโพสต์ในทวิตเตอร์
คาดว่านี่เป็นความพยายามในการขัดขวางไม่ให้ผู้ใช้งานทวิตเตอร์กดออกจากแอปฯ ไปยังแพลตฟอร์มอื่น แต่ต่อมา อีลอน มัสก์ ซีอีโอคนใหม่ของทวิตเตอร์ได้ยอมอ่อนข้อ และสั่งผ่อนนโยบาย ทำให้เกิดความสับสนว่า แล้วลิงก์ประเภทไหนกันแน่ที่ทวิตเตอร์อนุญาตและไม่อนุญาตให้แปะ
ไม่ทราบสาเหตุ! ทวิตเตอร์ระงับบัญชีนักข่าวสื่อยักษ์
“บลูมาร์ก” ทวิตเตอร์คัมแบ็ก ผู้ใช้ไอโฟนจ่าย “ค่ายืนยันตัวตน” แพงกว่า
ยอดคนสมัครเข้าทวิตเตอร์พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ภายใต้นโยบายใหม่ ลิงก์ที่เชื่อมไปยังเนื้อหาบนเฟซบุ๊กและอิสตาแกรมจะไม่ได้รับอนุญาตให้แปะอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับลิงก์ไปยังเนื้อหาบนโซเชียลมีเดียทางเลือกที่เป็นคู่แข่งโดยตรงของทวิตเตอร์ เช่น Mastodon หรือ Post รวมถึง Truth Social ของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ด้วย
ความเคลื่อนไหวของทวิตเตอร์ส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงสู่สภาพแวดล้อมที่ปิดมากขึ้น ซึ่งยังคงยอมรับทราฟฟิกที่เข้ามาจากแพลตฟอร์มอื่น ๆ แต่ทำให้ผู้ใช้ออกจากทวิตเตอร์ไปยังปลายทางอื่นได้ยากขึ้น หรือพูดง่าย ๆ คือ “เข้าง่ายออกยาก” นั่นเอง
ทวิตเตอร์ระบุว่า “เราจะลบบัญชีที่สร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการโปรโมตแพลตฟอร์มโซเชียลอื่น ๆ และเนื้อหาที่มีลิงก์หรือชื่อผู้บัญชีใช้ของแพลตฟอร์มต่อไปนี้: Facebook, Instagram, Mastodon, Truth Social, Tribel, Nostr และ Post”
แม้จะมีการแบน แต่ทวิตเตอร์กล่าวว่า นโยบายใหม่จะยังคง “อนุญาตให้มีการโฆษณาแบบชำระเงินสำหรับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียดังกล่าว”
ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเปิดตัวนโยบายใหม่นี้ อีลอน มัสก์ ก็ออกมาแสดงท่าทีอ่อนข้อให้ผู้ใช้ และตกลงที่จะผ่อนปรนกฎ โดยบอกว่า เป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่ผู้ใช้บางคนอาจต้องการเชื่อมโยงทวิตเตอร์กับโปรไฟล์อินสตาแกรมเพื่อโปรโมตธุรกิจของตนเอง
“นโยบายจะปรับเป็นการระงับบัญชีก็ต่อเมื่อวัตถุประสงค์ ‘หลัก’ ของบัญชีนั้นคือการโปรโมตคู่แข่ง ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วอยู่ภายใต้กฎห้ามสแปมของทวิตเตอร์” มัสก์บอก
การตัดสินใจนี้ของทวิตเตอร์เรียกให้เกิดเสียงต่อต้านจากผู้ใช้จำนวนหนึ่ง ทำให้มัสก์เปิดโพลสำรวจความเห็นบนทวิตเตอร์ ถามว่า “เขาควรลาออกจากตำแหน่งซีอีโอทวิตเตอร์หรือไม่” และกล่าวว่า “ผมจะทำตามผลการสำรวจนี้”
ซึ่งผลสำรวจล่าสุดขณะที่เหลือเวลาอีก 9 ชั่วโมงนั้น มีผู้โหวตรวมกว่า 7 ล้านคนเข้าไปแล้ว และโหวต “ควร” มากกว่าครึ่ง ประมาณ 58% ต่อ 42%
Should I step down as head of Twitter? I will abide by the results of this poll.
— Elon Musk (@elonmusk) December 18, 2022
เรียบเรียงจาก CNN
ภาพจาก AFP