Meta บริษัทซอฟต์แวร์ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook Instagram และ Threads ได้ลบเครือข่ายบัญชีปลอมในประเทศจีนกว่าหลายพันบัญชี โดยตรวจพบบัญชีของคนจีน ที่แฝงตัวเป็นชาวอเมริกัน พร้อมพยายามเผยแพร่เนื้อหาที่มีการแบ่งขั้วการเมืองภายในสหรัฐฯ และความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน
และยังมีเนื้อหาอื่น ๆ ที่มีความละเอียดอ่อน เช่น เรื่องการทำแท้ง ปัญหาด้านวัฒนธรรมของประเทศต่าง ๆ และความช่วยเหลือของสหรัฐฯ แก่ยูเครน
Meta เล็งเปิดให้บริการ "Threads" ในสหภาพยุโรป ธ.ค.นี้
Meta เล็งเปิดสมัครสมาชิกในยุโรป หวังปิดโฆษณา-เลี่ยงกฎหมายละเมิดข้อมูล
เปิดตัว SeamlessM4T เอไอแปลภาษาโมเดลใหม่จาก Meta
Meta ระบุว่า ปัจจุบันจีนเป็นประเทศที่มีบัญชีปลอมมากสุดอันดับ 3 ของกลุ่มประเทศที่เปิดให้ใช้งานแอปพลิชันของ Meta เป็นรองจากรัสเซียและอิหร่าน จากการรายงานปัญหาที่ Meta ตรวจพบในไตรมาสนี้ พบว่า มีบัญชีปลอมในจีนมากกว่า 4,700 บัญชี โดยใช้ชื่อปลอมและรูปโปรไฟล์ปลอม ที่ดึงมาจากผู้ใช้งานอื่นทั่วโลก
Meta ตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มบัญชีปลอมดังกล่าว ดึงเนื้อหาต่าง ๆ มาจาก X (ทวิตเตอร์ในชื่อเดิม) โดยตรง และยังมีการนำข้อความจากหลายโพสต์มารวมกันในเนื้อหาเดียว ไม่ว่าจะเป็นข้อความจากนักการเมืองพรรคเดโมแคตและรีพับลีกัน รวมถึง แนนซี เปโลซี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ, เกร็ตเชน วิตเมอร์ ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน, รอน เดอแซนติส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา, และคนอื่นๆ
พร้อมระบุว่า ทาง Meta ยังไม่ชัดเจนว่ากลุ่มผู้ใช้บัญชีปลอมดังกล่าวเป็นกลุ่มใด แต่คาดว่าบัญชีหลายพันบัญชีดังกล่าว ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อขยายความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงปลุกปั่นให้ประชาชนเกิดความแตกแยกมากขึ้นในการการเมืองภายในสหรัฐฯ หรืออาจทำไปเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของบัญชีปลอมเหล่านั้นก็เป็นได้
เบ็น นิมโม ผู้รับผิดชอบด้านการสืบสวนในเรื่องนี้ของบริษัท Meta กล่าวว่า “เครือข่ายบัญชีปลอมเหล่านั้นยังคงดิ้นรน เพื่อสร้างกระแสและเรียกฐานผู้ติดตาม แต่นี่ก็ถือเป็นคำเตือนที่ถูกส่งมายังบริษัท Meta เหล่าผู้ที่แสดงตัวเป็นภัยคุกคามจากต่างประเทศ กำลังพยายามเข้าถึงยอดผู้ติดตามผ่านอินเทอร์เน็ต และเราจำเป็นต้องตื่นตัวอยู่เสมอ”
นอกจากนี้ Meta ยังเผยว่า ตรวจพบ 2 เครือข่ายเล็ก ๆ ในจีน ที่พุ่งเป้าไปยังกลุ่มผู้ใช้งานในอินเดียและทิเบต และอีกเครือข่ายที่พุ่งเป้าไปยังผู้ใช้งานในรัสเซีย โดยเป็นโพสต์ส่งเสริมการรุกรานยูเครน
เรียบเรียงจาก BBC
ภาพจาก FABRICE COFFRINI / AFP