งาน Apple Event ประจำเดือนกันยายน ปี 2024 “It’s Glowtime” คืนวันที่ 9 กันยายน 2567 ได้มีการเปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple นัพโดย iPhone 16 ซีรีส์ ที่ในรุ่นท็อปอย่าง iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max ได้สีใหม่ตามคาด นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เปิดตัวเพียบ ไม่ว่าจะเป็นหูฟังไร้สายตัวรุ่นใหม่อย่าง AirPods 4 ไปจนถึงสมาร์ตวอตช์อย่าง Apple Watch Series 10 ส่วนรายละเอียดจะมีอะไรบ้าง ตามมาดูกัน!
iPhone 15 Pro กำลังจะยกเลิกขายแล้ว สนใจสั่งซื้อ คลิก: Shopee
Apple Watch Series 10
เริ่มกันที่ Apple Watch Series 10 มาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นเดิม ตัวเรือนมีความโค้งมนมากขึ้น ทำจากอะลูมิเนียมอัลลอย มาพร้อมสีใหม่อย่างสีดำ Jet Black ที่เป็นสีดำแบบขัดเงาสวยงาม และอีก 2 สี คือ สี Rose Gold และสีเงิน นอกจากนี้ยังเพิ่มสีใหม่เข้ามาเป็นสีไทเทเนียมขัดเงา ประกอบด้วย ไทเทเนียมธรรมชาติ ไทเทเนียมทอง และ ไทเทเนียมดำ Slate Black มีความบางเพียง 9.7 มม. บางที่สุดในตระกูล Apple Watch ที่เคยมีมา และยังกันน้ำลึก 50 เมตรด้วย
ขณะที่ตัวสายจะใช้เป็นแบบไทเทเนียม เข้ามาแทนที่สแตนเลสสตีลแบบเดิม และมี battery life ถึง 18 ชม. และชาร์จเร็วสุดเท่าที่เคยมีมาด้วยการชาร์จได้ถึง 80% ใช้เวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น
Apple Watch Series 10 ได้ชิปใหม่อย่าง Apple S10 ช่วยพัฒนาฟีเจอร์ที่มีอยู่เดิม และยังได้ฟีเจอร์การป้องกันเสียงรบกวนระหว่างคุยสายด้วย มีฟีเจอร์เพื่อสุขภาพมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Sleep Apnea หรือตรวจจับการนอนหลับที่ยกระดับขึ้น ไปจนถึงการตรวจจับเบาหวาน พร้อมมีให้ใช้งานกว่า 150+ ประเทศทั่วโลก
ฤกษ์ดี 9 เดือน 9 ย้าย "ปลามังกรทอง"ลุงป้อม ออกจากทำเนียบ
ยูเครนเริ่มใช้ “โดรนมังกรไฟ” โจมตีกองทัพรัสเซีย
พายุ "ยางิ" สิ้นฤทธิ์แล้ว พยากรณ์อากาศล่วงหน้า 10-18 ก.ย.ฝนตกหนักบางแห่ง
Apple Watch Series 10 เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้ เริ่มวางจำหน่าย 20 กันยายนเป็นต้นไป วางจำหน่าย 2 รุ่น แบ่งเป็นรุ่น GPS และ GPS + เซลลูลาร์ ดังนี้
- GPS ตัวเรือนอะลูมิเนียม หน้าปัด 42 มม. ราคา 14,900 บาท
- GPS ตัวเรือนอะลูมิเนียม หน้าปัด 46 มม. ราคา 15,900 บาท
- GPS + เซลลูลาร์ ตัวเรือนอะลูมิเนียม เริ่มต้น 18,900 บาท
- GPS + เซลลูลาร์ ตัวเรือนไทเทเนียม เริ่มต้น 25,900 บาท
Apple Watch Ultra 2 สีดำไทเทเนียม
ไม่พลิกโผสำหรับ Apple Watch Ultra 2 ผลิตภัณฑ์เดิม เพิ่มเติมคือสีใหม่ สีดำไทเทเนียม ที่ทำจากไทเทเนียมรีไซเคิล 95% และมาพร้อมสายใหม่สำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ อย่าง Titanium Milanese Loop และสายดังกล่าวยังมีสีไทเทเนียมธรรมชาติให้ใช้ด้วย สามารถใช้งานได้ถึง 36 ชม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และหากเปิด Low Power Mode จะใช้งานได้ถึง 72 ชม. พร้อมความสว่างหน้าจอสูงสุด 3,000 นิต
Apple Watch Ultra 2 เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้ เริ่มวางจำหน่าย 20 กันยายนเป็นต้นไป วางจำหน่ายในราคาดังนี้
- สายแบบ Alpine Loop ราคา 29,900 บาท
- สายแบบ Trail Loop ราคา 29,900 บาท
- สายแบบ Ocean Band ราคา 29,900 บาท
- สายแบบ Milanese Loop ไทเทเนียม ราคา 33,900 บาท
AirPods 4
มาถึงคิวหูฟังไร้สายรุ่นใหม่อย่าง AirPods 4 มาพร้อมการออกแบบที่สามารถใช้งานง่ายพอดีหู ขับเคลื่อนด้วยชิป H2 มาพร้อมฟีเจอร์ Personalized Spatial Audio และ Active Noise Cancellation ที่ตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้ดีขึ้น ใช้งานได้ถึง 30 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และมีโหมด Transparency ที่อนุญาตเฉพาะเสียงธรรมชาติ Adaptive Mode ที่เปลี่ยนโหมดแบบอัตโนมัติตามสภาพแวดล้อม รองรับ Siri Interactions และ Conversation Awareness ที่จะช่วยตัดเสียงขณะที่เราพูดได้
AirPods 4 เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้ เริ่มวางจำหน่าย 20 กันยายนเป็นต้นไป มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่
- AirPods 4 ราคา 4,999 บาท
- AirPods 4 พร้อม Active Noise Cancellation ราคา 6,490 บาท
AirPods Max สีใหม่
งานนี้ยังได้เปิดตัว AirPods Max 5 สีใหม่ ประกอบด้วย สีดำ Midnight, สีม่วง Purple, สีน้ำเงิน Blue, สีส้ม Orange, และสีขาว Starlight พร้อมพอร์ตชาร์จแบบ USB-C เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้ เริ่มวางจำหน่าย 20 กันยายนเป็นต้นไป วางจำหน่ายในราคา 19,900 บาท
3 ฟีเจอร์สุขภาพใหม่บน AirPods Pro 2
- Hearing Protection ช่วยเตือนและป้องกันการฟังเสียงที่ดังเกินไปของเรา รองรับการตรวจจับความดังเสียงได้ถึง 48,000 ครั้งต่อวินาที
- Hearing Test ช่วยทดสอบการได้ยินของเราเพื่อช่วยตรวจสุขภาพการได้ยินของเรา และจะเก็บผลตรวจไว้เพื่อเก็บเป็นประวัติสุขภาพเรา เพื่อป้องกันการสูญเสียการได้ยิน
- Hearing Aid ตัวช่วยในการได้ยิน ทำให้ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหูสามารถได้ยินได้ชัดเจนขึ้น
โดยฟีเจอร์ Hearing Aid และ Hearing Test จะรองรับการใข้งานใน 100+ ประเทศ และจะอัปเดตเพื่อให้ใช้งานในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ สำหรับ AirPods Pro 2 วางจำหน่ายในราคา 8,990 บาท
iPhone 16 – iPhone 16 Plus
มาถึงไฮไลต์ของงานนี้กับ iPhone 16 ที่มาพร้อมโมดูลกล้องหลังแนวตั้ง ตัวเครื่องใช้วัสดุอะลูมิเนียมเกรดยานอวกาศ หน้าจอแสดงผลขนาด 6.1 นิ้ว ขณะที่รุ่น iPhone 16 Plus มีขนาด 6.7 นิ้ว จอ OLED Super Retina XDR ความสว่างสูงสุด 2,000 นิต มาพร้อม 5 สีด้วยกัน ได้แก่ สีดำ, สีขาว, สีชมพู, สีเขียวอมฟ้า Teal, และสีน้ำเงิน Ultramarine กันน้ำในระดับ IP68 ความลึกไม่เกิน 6 เมตร สูงสุด 30 นาที
iPhone 16 มาพร้อมชิปเซ็ต A18 ใหม่ CPU แบบ 6-core ใหม่ ประกอบด้วยคอร์ด้านประสิทธิภาพ 2 คอร์ และคอร์ด้านประหยัดพลังงาน 4 คอร์ GPU แบบ 5-core และ Neural Engine แบบ 16-core มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้น โดย iPhone 16 Plus รองรับการเล่นวิดีโอสูงสุด 27 ชม. สตรีมสูงสุด 24 ชม. และเล่นเพลงสูงสุด 100 ชม. ขณะที่รุ่นมาตรฐานรองรับการเล่นวิดีโอสูงสุด 22 ชม. สตรีมสูงสุด 18 ชม. และเล่นเพลงสูงสุด 80 ชม.
จุดเด่นของ iPhone 16 อยู่ที่ปุ่ม Camera Control ที่สามารถเข้าถึงการถ่ายภาพและวิดีโอได้ง่าย ๆ ทั้งยังควบคุมการถ่ายภาพและวิดีโอของเราผ่านปุ่มนี้ได้ ตั้งแต่เลือกโหมด ไปจนถึงตั้งค่าการถ่ายภาพ เสมือนการใช้กล้องคอมแพกต์ และเชื่อมโยงการใช้งานกับบางฟีเจอร์ของ Apple Intelligence ด้วย โดย Apple Intelligence จะเปิดให้ใช้งานก่อนเฉพาะฟีเจอร์ Clean Up หรือลบวัตถุในภาพ และฟีเจอร์อื่น ๆ จะตามมาในภายหลัง รวมถึงยังมีปุ่ม Action ให้ใช้ด้วย
ในส่วนของกล้อง iPhone 16 และ iPhone 16 Plus มาพร้อมกล้องหลักขนาด 48 ล้านพิกเซล แบบ Fusion ระยะโฟกัส 26 มม. ที่สามารถลดขนาดไฟล์ภาพผ่านการลดขนาดพิกเซลกล้องหลัก และขยายขนาดพิกเซล มาเป็นภาพ 24 ล้านพิกเซลที่นอกจากจะมีไฟล์เล็กแล้ว ยังให้ความละเอียดสูงด้วย และกล้อง Ultrawide ขนาด 12 ล้านพิกเซล ที่มาพร้อมเลนส์ Macro ที่ถ่ายภาพระยะใกล้ที่ให้รายละเอียดชัดเจน โดยจะมาพร้อม 4 ระยะด้วยกัน ได้แก่ Macro 0.5x 1x และ 2x
iPhone 16 และ iPhone 16 Plus เปิดพรีออเดอร์ในวันศุกร์ที่ 13 กันยายนนี้ และเริ่มวางจำหน่าย 20 กันยายนเป็นต้นไป ในราคาดังนี้
- iPhone 16 128GB ราคาเริ่มต้น 29,900
- iPhone 16 256GB ราคาเริ่มต้น 33,900
- iPhone 16 512GB ราคาเริ่มต้น 41,900
- iPhone 16 Plus 128GB ราคาเริ่มต้น 34,900
- iPhone 16 Plus 256GB ราคาเริ่มต้น 38,900
- iPhone 16 Plus 512GB ราคาเริ่มต้น 46,900
iPhone 15 Pro Max กำลังจะยกเลิกขายแล้ว
9.9 นี้ กดซื้อก่อนเลย! คลิก: Shopee
iPhone 16 Pro – iPhone 16 Pro Max
ปิดท้ายกับมือถือตัวท็อปอย่าง iPhone 16 Pro ซีรีส์ โดยรุ่น Pro จะมีหน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว และรุ่น Pro Max จะมีหน้าจอขนาด 6.9 นิ้ว ใหญ่สุดในบรรดาตระกูล Pro ได้จอแสดงผลแบบ OLED Super Retina XDR ความสว่างสูงสุด 2,000 นิต ใช้วัสดุไทเทเนียมเกรด 5 มาพร้อม 4 สีด้วยกัน ได้แก่ ไทเทเนียมดำ, ไทเทเนียมขาว, ไทเทเนียมธรรมชาติ, และไทเทเนียมทะเลทราย กันน้ำในระดับ IP68 ความลึกไม่เกิน 6 เมตร สูงสุด 30 นาทีเช่นเดียวกัน
iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max ได้ขุมพลังเป็นชิปเซ็ต A18 Pro ขนาด 3 นาโนเมตร รองรับการทำงานฟีเจอร์ Apple Intelligence ทุกรูปแบบ มี CPU แบบ 6-core ประกอบด้วยคอร์ด้านประสิทธิภาพ 2 คอร์ และคอร์ด้านประหยัดพลังงาน 4 คอร์ และ GPU แบบ 6-core และ Neural Engine แบบ 16-core ใหม่ รองรับการทำงาน Ray Tracing ดีกว่ารุ่นก่อน 2 เท่า และประหยัดพลังงานกว่ารุ่นก่อนถึง 20%
ในส่วนของกล้อง iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max ประกอบด้วยกล้องหลัก Fusion Camera ขนาด 48 ล้านพิกเซล ถ่ายเลนส์เทเลโฟโต้ซูมได้สูงสุด 2 เท่า กล้อง Ultrawide ระดับ 48 ล้านพิกเซล และกล้อง Telephoto ขนาด 12 ล้านพิกเซล
ไฮไลต์ของกล้อง iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max ประกอบด้วย การถ่ายแบบ Pro ที่ช่วยให้แสงและเงามีความสวยงาม, ฟิลเตอร์ที่มีให้เลือกหลากหลายขึ้น และปรับแต่งโทนได้ตามใจชอบ ขณะที่วิดีโอสามารถถ่ายแบบ Cinematic ได้สมจริงยิ่งขึ้น ทั้งยังสามารถปรับแต่งเสียงพูด-Background และอื่น ๆ ได้ตามใจชอบ ซึ่งทั้งหมดสามารถทำผ่านปุ่ม Camera Control และสามารถดูแบบไร้ขอบได้ รวมถึงสามารถถ่ายวิดีโอในระดับ 4K ที่ 120fps ได้ด้วย
และยังมีฟีเจอร์ใหม่สำหรับการอัดเสียง ที่สามารถเลือกปรับให้เหลือเฉพาะเสียงเรา เสียงธรรมชาติ เสียงรอบข้างได้ตามใจชอบ
iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max เปิดพรีออเดอร์ในวันศุกร์ที่ 13 กันยายนนี้ และเริ่มวางจำหน่าย 20 กันยายนเป็นต้นไป ในราคาดังนี้
- iPhone 16 Pro 128GB ราคาเริ่มต้น 39,900 บาท
- iPhone 16 Pro 256GB ราคาเริ่มต้น 43,900 บาท
- iPhone 16 Pro 512GB ราคาเริ่มต้น 51,900 บาท
- iPhone 16 Pro 1TB ราคาเริ่มต้น 59,900 บาท
- iPhone 16 Pro Max 256GB ราคาเริ่มต้น 48,900 บาท
- iPhone 16 Pro Max 512GB ราคาเริ่มต้น 56,900 บาท
- iPhone 16 Pro Max 1TB ราคาเริ่มต้น 64,900 บาท