ปัจจุบัน TikTok นอกจากจะเป็นศูนย์รวมของเหล่าครีเอเตอร์สายวิดีโอสั้นแล้ว ยังเป็นอีกแพลตฟอร์มสำคัญในการไลฟ์สดขายสินค้าผ่านฟีเจอร์ “TikTok Live” ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับครีเอเตอร์ได้มากมาย คล้ายกับ Facebook Live หรือ YouTube Live ดังกรณีของ “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” ที่สามารถไลฟ์สดผ่าน TikTok Live ทำยอดขายแตะ 100 ล้านบาทได้เมื่อวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา
แต่นอกจากรายได้จากการขายสินค้าแล้ว ครีเอเตอร์ที่ขายของผ่าน “TikTok Live” ยังสามารถรับรายได้จากช่องทางอื่น ๆ ในการไลฟ์แต่ละครั้งด้วย
รายได้อื่น ๆ จากการไลฟ์ผ่าน TikTok
รายได้จาก Live Gifts & Donations
ผู้ชมสามารถส่งของขวัญเสมือนจริงไปยังครีเอเตอร์ผ่านเหรียญ (Coins) ที่ซื้อด้วยเงินจริง โดย TikTok จะแปลงของขวัญเหล่านี้เป็นเพชร (Diamonds) ซึ่งครีเอเตอร์สามารถถอนเป็นเงินจริงได้ เพชร จะมีอัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณ คือ 200 เพชร ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม TikTok จะหักค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม 50% และครีเอเตอร์จะต้องมียอดขั้นต่ำ 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนจึงจะถอนเงินได้ผ่าน PayPal หรือ Stripe
รายได้จาก TikTok Live Subscriptions
อีกหนึ่งช่องทางคือระบบ “สมัครสมาชิก” หรือ Subscriptions ที่ให้แฟน ๆ จ่ายค่ารายเดือนเพื่อเข้าถึงคอนเทนต์พิเศษ เช่น ไลฟ์สดแบบพิเศษเฉพาะสมาชิก วิดีโอเบื้องหลัง สติ๊กเกอร์หรืออีโมจิพิเศษ โดยครีเอเตอร์สามารถกำหนดราคาและสิทธิพิเศษเองได้ใน “TikTok Studio”
รายได้จากสปอนเซอร์
อีกช่องทางสำคัญคือการเข้าร่วม TikTok Creator Marketplace ที่เปิดโอกาสให้แบรนด์เข้ามาว่าจ้างหรือเป็นสปอนเซอร์ครีเอเตอร์โดยตรง โดยขั้นตอนการหาสปอนเซอร์สำหรับ Live ได้แก่ มองหาแบรนด์หรือสินค้าที่ตรงกับกลุ่มผู้ชมของเรา เสนอแผนความร่วมมือ พร้อมสถิติผลงานของเรา บอกชัดเจนว่าจะโปรโมตแบรนด์อย่างไรในระหว่างไลฟ์ และใช้กลยุทธ์ “Social Selling” เช่น รีวิวสินค้าระหว่างไลฟ์และรับค่าคอมมิชชัน
โดยผู้ติดตามและยอดวิวสูง มีโอกาสได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์ต่าง ๆ โดยแบรนด์อาจจ้างให้ไลฟ์รีวิวสินค้าหรือบริการของแบรนด์ หรืออาจให้ทำคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างรายได้
ที่มา: MUVI / M Creation