เกมนี้ ลิเวอร์พูล ได้ ซาล่าห์ หายเจ็บข้อเท้าลงสนามเป็นตัวจริง รวมถึง อดัม ลัลลาน่า ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงต่อจากในเกมบีกคัพด้วย ส่วนทีมเจ้าบ้าน ไม่มีแจ็ค กรีลิช กัปตันทีมที่เจ็บน่อง
นาที 21 วิลล่าขึ้นนำจากลูกฟรีคิก แม็คกินน์ เปิดบอลจากฝั่งซ้าย ก่อนที่เทรเซเก้ต์ จะโฉบเข้ามายิงตุงตาข่าย แต่อีกแค่ไม่กี่นาทีต่อมา ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูตีเสมอ จากฟีร์มิโน่ แต่เช็คภาพจาก VAR เป็นฟีร์มิโน่ ที่ล้ำหน้าไปแค่นิดเดียว
"ลิเวอร์พูล" เฉือน "แบล็คเบิร์น" 1-0 ลิ่วรอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ
“ลิเวอร์พูล” ดวล “สโต๊ค” ลุ้นขึ้นรองจ่าฝูง
ครึ่งหลังลิเวอร์พูล บุกกระหน่ำอย่างหนัก มีโอกาสพังประตูกว่า 20 ครั้ง แต่กว่าจะได้ลูกตีเสมอ ต้องรอถึงนาที 87 มาเน่ เปิดบอลให้ โรเบิร์ตสัน เติมขึ้นมาโหม่งจ่อๆไม่พลาด และช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ลิเวอร์พูล ก็มาได้ประตูชัยเหลือเชื่อ จากลูกเตะมุม เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เปิดมาให้มาเน่ โหม่งเช็ดกลับหลัง ให้ลิเวอร์พูล บุกแซงชนะ แอสตัน วิลล่า หวุดหวิด 2-1 เก็บ 3 แต้มได้แบบหืดจับ
ส่วนคู่แข่งแย่งจ่าฝูงกับลิเวอร์พูล อย่างแมนฯซิตี้ ก็เกือบไม่รอดเหมือนกัน หลังเปิดบ้านพบกับ เซาธ์แฮมป์ตัน แต่โดนทีมเยือน บุกมาเซอร์ไพรส์ ออกนำไปก่อน 1-0 ตั้งแต่ต้นเกม สจ๊วร์ต อาร์มสตรอง สับไกยิง แต่เอแดร์ซอน รับบอลกระฉอก มาเข้าทาง เจมส์ วอร์พ พราวส์ ซ้ำไม่เหลือ
แมนฯซิตี้ มาได้ประตูตีเสมอในช่วงครึ่งหลัง นาที 70 ไคล์ วอล์คเกอร์ เติมเกมขึ้นมา ก่อนจ่ายบอลให้ กุน อเกวโร่ ยิงลอดขา อเล็กซ์ แม็คคาร์ธี่ เข้าไป และก่อนหมดเวลาแค่ไม่กี่นาที แม็คคาร์ธี่ ปัดลูกเปิดของ อังเคลิโญ่ ไม่ดี และเป็น วอล์คเกอร์ ยิงสวนตุงตาข่าย เป็นประตูชัย ให้แมนฯซิตี้ ชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 2-1
ส่วนเกมบอร์นมัธ พบ แมนฯยูไนเต็ด ประตูเดียวของเกมนี้ เกิดขึ้นในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก อดัม สมิธ เปิดบอลให้โจชัว คิง กระดกบอลหลบตัว วาน บิสซาก้า ก่อนล้มตัวซัดผ่านมือ เด เคอา อย่างเหนือชั้น เป็นประตูชัยให้บอร์นมัธ พลิกล้ม แมนฯยูไนเต็ด 1-0
