ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ นัด2 เรอัล มาดริด ได้กลับมาเล่นในบ้าน หลังเกมแรก แพ้แมนฯซิตี้ 3-4 เกมแรกยิงกันไปถึง 7 ประตู แต่เกมนี้ กว่าจะมีประตูแรกเกิดขึ้นในนาที73 จากริยาด มาห์เรซ ทำให้สกอร์รวมนำห่าง 5-3 โอกาสเข้ารอบชิงของเรือใบสีฟ้าอยู่แค่เอื้อม แถมมีโอกาสพังประตูเพิ่มอีกเยอะ แต่ทำไม่ได้
จนมาถึงนาทีสุดท้ายของเกม โรดรีโก้ ตัวสำรองยิงตีเสมอในเกมนี้ 1-1 แถมนาทีถัดมา โรดรีโก้ โหม่งอีกให้มาดริดแซงนำ 2-1 สกอร์รวมกลับมาเท่ากันเหลือเชื่อ 5-5 ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที
"เบนเซม่า" ทำเพิ่มหลายสถิติหลังพา เรอัล มาดริด เข้าชิง ชปล.
"ซาล่าห์" โพสต์ข้อความหลังรู้ เรอัล มาดริด เข้าชิง ชปล.
ก่อนที่ราชันชุดขาวจะได้ประตูชัยจากจุดโทษของเบนเซม่า นาที 95 ทำให้จบเกม เรอัล มาดริด ผ่านเข้ารอบชิงด้วยสกอร์รวม 6-5 อย่างสุดมันส์ เข้าไปลุ้นแชมป์สมัยที่ 14 รอเจอกับลิเวอร์พูล วันที่ 28 พ.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นรีแมตช์นัดชิงเมื่อปี 2018 ที่มาดริด ชนะ ลิเวอร์พูล 3-1
หลังเกม คาร์โล อันเชล็อตติ เทรนเนอร์เรอัล มาดริด บอกว่า "ผมมีความสุขที่ได้ไปเล่นรอบชิงชนะเลิศที่นั่น ในปารีสจะเป็นการดวลกับคู่แข่งที่ยอดเยี่ยมอีกทีมหนึ่ง พวกเราคุ้นเคยดี มันจะเป็นเกมฟุตบอลที่แสนวิเศษ"
“ตอนที่ตีเสมอได้เราก็ได้เปรียบเรื่องสภาพจิตใจในช่วงต่อเวลาพิเศษ ผมไม่มีเวลามาคิดเรื่องความพ่ายแพ้ในเกม มันเป็นเรื่องยากเพราะ ซิตี้ คอนโทรลเกมได้แต่ในโอกาสสุดท้ายพวกเราก็เข้าไปสู้ช่วงต่อเวลาได้
นอกจากนี้อันเช่ยังบอกด้วยว่า "ถ้าคุณต้องพูดถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น มันคงเป็นเพราะประวัติศาสตร์ของสโมสรแห่งนี้ที่ได้ช่วยเหลือพวกเราให้เดินหน้าต่อไปในตอนที่มันดูเหมือนว่ากำลังจะตกรอบ”