แม้จะเป็นเรื่องที่ดูยาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส และหากลูกทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ ทำได้จริงพวกเขาจะกลายเป็นยอดทีมในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลอย่างไม่ต้องสงสัย เหมือนที่ทีมเหล่านี้เคยทำได้และกลายเป็นตำนานมาแล้ว
ทีมแรกที่จะพูดถึงคงหนีไม่แพ้คู่ปรับร่วมลีคอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เคยคว้า 3 แชมป์ อย่างยิ่งใหญ่ในฤดูกาล 1998-1999 ภายใต้การคุมทีมของกุนซือระดับบรมครูอย่างเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
3 นัดสุดท้าย ! เปิดโปรแกรมลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก แมนซิตี้-ลิเวอร์พูล
เป๊ป แซะลิเวอร์พูลคนเชียร์อยากให้ได้แชมป์ลีกเยอะ แต่ได้แค่ครั้งเดียวในรอบ 30 ปี
และแมตช์ที่ถูกพูดถึงกันมากที่สุดคงหนีไม่พ้นนัดชิงถ้วยแชมเปี้ยนลีกส์ในตำนานที่เจอกับบาเยิร์น มิวนิค พลพรรคปีศาจแดงเกือบจะแพ้อยู่แล้ว แต่ก็มาได้ 2 ประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ช่วยให้เขาคว้าถ้วยบิ๊กเอียร์มาครองอย่างยิ่งใหญ่ และส่งทีมชุดนั้นขึ้นหิ้งเป็นทีมชุดตำนานของสโมสร ดาวเด่นประกอบไปด้วย ปีเตอร์ ชไมเคิล , แกรี่ เนวิล , นิคกี้ บัตต์ , เดวิด เบ็คแฮม , ไรอัน กิ๊กส์ , คู่หู ยอร์ค-โคล , โอเล กุนนาร์ โซลชาผู้ยิงประตูชัย แถมยังมีนักเตะตัวหลักที่ติดโทษแบนอย่างพอล สโคลล์
อีกหนึ่งในทีมที่มักจะถูกพูดถึงก็คือ อินเตอร์ มิลาน ของโจเซ่ มูรินโญ่ ช่วงฤดูกาล 2009-2010 ที่คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ครั้งแรกของสโมสร และเป็นทีมแรกในกัลโช่ เซเรียอา ที่ทำได้ 3 แชมป์ในฤดูกาลเดียว โดยงูใหญ่ยุคนั้นประกอบด้วยนักเตะตัวชูโรงอย่าง เวสลีย์ ชไนเดอร์ , ซามูเอล เอโต้ , ดิเอโก้ มิลิโต้ , ไมค่อน , ชูลิโอ เซซาร์ , ฮาร์เวียร์ ซาเน็ตติ ซึ่งแต่ละคนก็กลายเป็นตำนานของสโมสรอย่างไม่ต้องสงสัย
มาต่อกันที่บาเยิร์น มิวนิคในฤดูกาล 2012-13 หลังอกหักให้กับอินเตอร์มาเมื่อสามฤดูกาลก่อน จุ๊ปป์ ไฮเกสก็พาพี่เสือกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ได้ด้วยการคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ ด้วยการหักอกดอร์ทมุนด์ถึง 2 ถ้วย ทั้งแชมป์ลีก และแชมเปี้ยนลีกส์ ซึ่งเป็นครั้่งแรกที่สองทีมจากเยอรมันมาเจอกันเองในรอบชิงฟุตบอลยุโรปด้วย นักเตะในชุดนั้นประกอบไปด้วยตัวหลักที่ยังคงอยู่กับทีมมาจนถึงปัจจุบันอย่าง โทมัส มุลเลอร์ , มานูเอล นอยเออร์ และคู่หูปีกระดับเทพอย่าง "ร็อบเบรี่" , รวมไปถึงฟิลลิป์ ลาห์ม และบาสเตียน ชไวสไตเกอร์ ก่อนที่พวกเขาจะมาทำทริปเปิ้ลแชมป์ได้อีกครั้งในฤดูกาล 2019/2020 โดยมีมุลเลอร์และนอยเออนำทัพเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6
ทีมสุดท้าย ไม่พูดถึงคงไม่ได้กับบาร์เซโลน่ายุคของเป๊ป กวาดิโอล่า ในฤดูกาล 2008-2009 ที่ถูกขนานนามว่าทีมต่างดาว นำทัพด้วยลีโอเนล เมสซี่ แถมด้วย ชาบี้ อิเนสต้า บุสเกต เอโต้ และอองรี แค่นี้ก็คงบอกถึงความแข็งแกร่งของทีมชุดนั้นแล้ว โดยในนัดชิงแชมเปี้ยนลีกส์พวกเขาตบแมนฯยูไป 2-0 แบบชิล ๆ ด้วยระบบติกิ ตรรกะอันเลื่องชื่อ
ก่อนที่เจ้าบุญทุ่มจะสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งในฤดูกาล 2014/15 ด้วยฝีมือกาคุมทีมของหลุยซ์ เอ็นริเก้ ที่มี 3 หัวหอก MSN ช่วยกันผลิตสกอร์เป็นว่าเล่น โดยฤดูกาลนั้นพวกเขาสามคนยิงรวมกันให้ "อาซูลกราน่า" ไปถึง 122 ประตู
เช็กความพร้อมทีมชาติไทย ก่อนดวลสิงคโปร์ พร้อมคาดการณ์ 11 ตัวจริง