โหมโรงบิ๊กแมตช์!! ลิเวอร์พูล พบ มาดริด นัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

เกมวันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม นัดชิงชนะเลิศศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่สนาม สต้าด เดอ ฟร้องซ์ ในกรุงปารีส เป็นการพบกันระหว่างลิเวอร์พูลแชมป์ 6 สมัย และเรอัล มาดริด แชมป์ 13 สมัย นี้ถือเป็นการรีแมตช์นัดชิงอีกครั้งเพราะทั้งคู่เคยพบกันมาแล้วในปี 2018 ผลในตอนนั้นมาดริดเอาชนะลิเวอร์พูล 3-1 คว้าแชมป์ไปครองเป็นสมัยที่ 13 ภายใต้การคุมทีมของซีเนดีน ซีดาน วันนี้พีพีทีวีจะพาไปดูสถิติก่อนเกมที่น่าสนใจ

สื่อเผย มาเน่ ส่อแววโบกมือลาลิเวอร์พูล ซบ บาเยิร์น มิวนิค

"เทน ฮาก" มั่นใจปลุกแมนยูคืนความยิ่งใหญ่

ลิเวอร์พูลเคยเผชิญหน้ากับเรอัล มาดริดใน UCL มาแล้วทั้งหมด 7 ครั้ง

ลิเวอร์พูลชนะ 2 ครั้ง

แพ้ 4 ครั้ง

เสมอ 1 ครั้ง

ลิเวอร์พูลผ่านเข้าชิงชนะเลิศยูโรเปี้ยน คัพ (เดิม) หรือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทั้งหมด 10 ครั้ง สามารถคว้าแชมป์ 6 สมัย  (ยังไม่รวมครั้งล่าสุด) ถือเป็นสโมสรอังกฤษที่คว้าแชมป์รายการนี้ได้มากที่สุด

เจอร์เก้น คล็อปป์สถิติการเจอกับมาดริด

ดวลกันทั้งหมด 9 ครั้ง ตลอดอาชีพผู้จัดการทีม

ชนะ 3 ครั้ง

เสมอ 2 ครั้ง

แพ้ 4 ครั้ง

เจอร์เก้น คล็อปป์สถิติการดวลกับอันเชล็อตติ

ดวลกันทั้งหมด 10 ครั้ง

คล็อปป์ชนะ 3 ครั้ง

เสมอ 3 ครั้ง

แพ้ 4 ครั้ง

เจอร์เก้น คล็อปป์ พาทีมเข้าถึงนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ถือเป็นครั้งที่ 4  โดยแบ่งเป็นกับดอร์ทมุนด์ 1 ครั้งในปี 2013 และลิเวอร์พูล 3 ครั้ง ปี 2018,2019,2022

ข้ามมาดูสถิติของคาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือเรอัล มาดริดกันบ้าง

อันเชล็อตติ สถิติการดวลกับคล็อปป์

ดวลกันทั้งหมด 10 ครั้ง

ชนะ  4 ครั้ง

เสมอ 3 ครั้ง

แพ้ 3 ครั้ง

สถิติอันเชล็อตติดวลกับลิเวอร์พูลตลอดอาชีพผู้จัดการทีม

เจอลิเวอร์พูล  16 ครั้ง

ชนะ 8 ครั้ง

เสมอ 3 ครั้ง

แพ้ 5 ครั้ง

เรอัล มาดริด ผ่านเข้าชิงชนะเลิศ ยูโรเปี้ยน คัพ (เดิม) หรือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (ปัจจุบัน) รวมทั้งหมด 17 ครั้ง  สามารถคว้าแชมป์ 13 สมัย (ยังไม่รวมครั้งล่าสุด) ซึ่งถือว่ามากที่สุดในทีมยุโรป

คาร์โล อันเชลอตติ พาทีมเข้าถึงนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก  5 ครั้ง นับสมัยคุมเอซี มิลานพาทีมเข้าชิงในปี 2003, 2005, 2007  และพามาดริดเข้าชิง 2014, 2022  ถือเป็นผู้จัดการทีมที่พาทีมเข้าถึงรอบนี้มากที่สุดในประวัติศาสตร์

รักบ้านเกิด!! "เอ็มบัปเป้" รับไม่อยากย้ายออกนอกประเทศ

ที่ปรึกษาอนามัยโลกคาด “ฝีดาษลิง” อาจระบาดหนักเพราะ “เพศสัมพันธ์”