ถือเป็นอีกหนึ่งแมตช์ประวัติศาสตร์ หลังจากขุนพลทีมชาติญี่ปุ่น หักปากกาเซียน ด้วยการพลิกกลับมาชนะ เยอรมนี ที่มีดีกรีแชมป์โลกถึง 4 สมัย ในเกมฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม อี นัดแรก อีกทั้งยังเป็นชัยชนะในศึกฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 2 จาก 9 เกมหลังสุดที่ลงเล่นรอบสุดท้าย หลังที่เคยโคลอมเบีย 2-1 ในปี 2018
ไปเจาะ 5 สิ่งสำคัญที่ทำให้เกมนี้ ญี่ปุ่น กุมชัยชนะเหนือทีมอย่าง เยอรมนี ที่เป็นแชมป์โลก มาแล้วถึง 4 สมัย
ญี่ปุ่น สู้สุดใจ พลิกแซง เยอรมนี 2-1 ศึกฟุตบอลโลก 2022
PPTV รายชื่อ 11 ตัวจริง ฟุตบอลโลก เยอรมนี พบ ญี่ปุ่น 23 พ.ย. 65
เยอรมันประกาศชื่อ 26 แข้ง ลุยบอลโลก 2022
โมริยาสุ ไม่กลัวที่จะเปลี่ยนแทคติก
ในช่วง 45 นาทีแรก ต้องยอมรับว่าญี่ปุ่น อาจจะมีจังหวะโต้กลับ แต่ด้วยการครองบอลเพียง 19% ในครึ่งแรก ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดเป็นอันดับ 2 ในฟุตบอลโลกปี 2022 พร้อมกับสกอร์ที่เป็นรอง ส่งผลให้ทางกุนซือ ฮาจิเมะ โมริยาสุ ต้องเริ่มครึ่งหลังด้วยการเปลี่ยนรูปแบบจากกองหลัง 4 คนเป็น 3 คน การเปลี่ยนแปลงทางยุทธวิธีได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นตัวกระตุ้นสำหรับการกลับมาที่น่าทึ่้งในครึ่งหลังของขุนพล "ซามูไร"
"ผมเชื่อว่ามันเป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ ชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ ถ้าผมคิดถึงการพัฒนาของฟุตบอลญี่ปุ่น เราได้สร้างมาแล้ว"
"ตั้งแต่เริ่ม เราตัดสินใจลุย อย่างไรก็ตาม ความดุดันของเยอรมนีสูงกว่า ซึ่งไม่น่าแปลกใจสำหรับเรา อย่างไรก็ตาม ทีมของเราฉลาดมาก พวกเขาฉลาด และเล่นได้ดีอย่างต่อเนื่อง พวกเขาต่อสู้อย่างหนักจริงๆ" กุนซือวัย 53 ปี เผย
ซูเปอร์ซับเปลี่ยนเกม
การเปลี่ยนตัวของญี่ปุ่นในครึ่งหลังถือเป็นแรงผลักดันที่สำคัญทำให้เกมกลับมาเข้าทางฝั่งเอเชีย ทั้งตัวสำสำรองอย่าง ทาคุมิ มินามิโนะ ที่เป็นคนเปิดมาให้ ริทสึ โดอัน ยิงซ้ำให้ ญี่ปุ่น กลับมาสู่เกม และประตูชัยจาก ทาคุมะ อาซาโนะ ที่ยิงเบียดเสาเข้าไป หรือแม้กระทั่ง ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ ในแนวรับ ทั้งๆ ที่ตลอด 90 นาทีวันนี้
ญี่ปุ่นครองบอลเพียง 26.1% เท่านั้น
การเลือกทีมได้รับการพิสูจน์แล้ว
กุนซือ โมริยาสุ เลือกที่จะหนีบ ทาคุมะ อาซาโนะ ที่เล่นได้ทั้งริมเส้น และศูนย์หน้า ที่ยังไม่สมบูรณ์จากอาการเจ็บที่เข่า เข้ามาเป็น 26 คนสุดท้าย มากกว่า เคียวโกะ ฟุรุฮาชิ แนวรุกจาก เซลติก ซึ่งผลในเกมที่เด็ดปีก "อินทรีเหล็ก" จากประตูชัยของเจ้าของฉายา "เสือจากัวร์แห่งแดนซามูไร" ก็ถือว่าดับเสียงวิจารณ์ที่ผ่านมาได้ รวมถึงเป็นการจารึกประวัติศาสตร์ให้กับทีมชาติญี่ปุ่นในฟุตบอลโลกด้วยเช่นกัน
จุดอ่อนที่สำคัญของทัพญี่ปุ่น
เกมรับทางขวาถือเป็นจุดอ่อนของญี่ปุ่น ที่ทำให้ยอดทีมจากเอเชีย มาเสียจุดโทษในนาทีที่ 31 หลังจาก ชูอิจิ กอนดะ ไปเสียเหลี่ยมรวบ เดวิด เราม์ ที่แอบเติมสูงขึ้นมา ก่อนที่ อิลคาย กุนโดกัน จะมายิงจุดโทษ ในนาทีที่ 33 ซึ่งพื้นที่เปิดทางขวาตรงนี้ถือเป็นตำแหน่ง ใกล้กับตำแหน่งที่ มิกิ ยามาเนะ เสียจุดโทษในช่วงท้ายเกมที่แพ้แคนาดา 2-1 ในเกมกระชับมิตรก่อนที่ญี่ปุ่นจะเข้าทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลก
ลืมการเสียจุดโทษของ กอนดะ
ชูอิจิ กอนดะ นายด่านจาก ชิมิสึ เอส พัลส์ ได้รับความไว้วางใจมากกว่า ดาเนียล ชมิดท์ ให้ลงเฝ้าเสาในเกมประเดิมฟุตบอลโลก 2022 แม้จะไปออกลูกโฉ่งฉ่าง ทำให้ทีมเสียจุดโทษจากจังหวะที่ทีม "อินทรีเหล็ก" โอเวอร์โหลดเกมขึ้นมา แต่ภาพรวมตลอด 90 นาที ผู้รักษาประตูวัย 33 ปี ก็แสดงให้เห็นถึงการโชว์ซูเปอร์เซฟช่วยให้ทีมรอดพ้นการเสียประตูในหลายๆ ครั้ง