ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 8 ทีมสุดท้าย "สิงโตคำราม"อังกฤษ พบ ฝรั่งเศส แชมป์เก่า
แกเร็ธ เซาธ์เกต พาอังกฤษเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ ด้วยการถล่ม เซเนกัล 3-0 เกมนี้มาในระบบ 4-3-3 มี แฮร์รี่ เคน สวมปลอกแขนกัปตันทีม มี บูคาโย่ ซาก้า กับ ฟิล โฟเด้น คอยขนาบข้างเกมรุก ส่วน ราฮีม สเตอร์ลิง เป็นแค่สำรองหล้งกลับมาเข้าแคมป์ซ้อมหลังเคลียร์ปัญหาบ้านถูกปล้นที่อังกฤษ เรียบร้อย
ทางด้าน ดิดิเยร์ เดสช็องส์ กุนซือทีมชาติฝรั่งเศส แชมป์เก่า เข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยการชนะ โปแลนด์ 3-1 และใช้ 11 ผู้เล่นตัวจริงเกมนี้เป็นชุดเดียวกัน โดยมี โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เป็นหน้าเป้า และใช้ คีเลียน เอ็มบัปเป้ ดาวซัลโวของทีมที่ยิงไป 5 ประตู เข้าทำทางด้านซ้าย ส่วน อูโก้ โยริส ลงเล่นเป็นนัดที่ 143 มากที่สุดในประวัติศาสตร์ทีมชาติ
นาทีที่ 11 อุสมาน เดมเบเล่ เปิดจากทางด้านขวา มาให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ได้โหม่ง แต่บอลเบาเข้ามือ จอร์แดน ฟิคฟอร์ด รับสบาย
นาทีที่ 17 อองตวน กรีซมันน์ ไหลให้ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ จับหนึ่งจังหวะและยิงไกลด้วยขวา บอลเสียบมุมอย่างสุดสวยชนิดที่ จอร์แดน ฟิคฟอร์ด หมดสิทธิ์ป้องกัน ฝรั่งเศส นำ 1-0
นาทีที่ 25 ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ เตะ แฮร์รี่ เคน ในจุดก้ำกึ่งในกรอบผู้ตัดสินเช็ก VAR แต่ไม่เป่าให้เป็นลูกจุดโทษ
เกมเข้าสู่ 5 นาทีสุดท้าย อังกฤษ พยายามเร่งจังหวะเพื่อหวังทำประตูกลับมาสู่เกม แต่ไม่สำเร็จ จบ 45 นาทีแรก ฝรั่งเศส นำ 1-0
กลับมาครึ่งหลังนาทีที่ 47 จู๊ด เบลลิ่งแฮม ได้ฮาล์ฟวอลเลย์ด้วยขวา แต่ อูโก้ โยริส ยังโชว์เซฟชกทิ้งออกไปได้
นาที 52 อังกฤษ มาได้จุดโทษ เป็นจังหวะที่ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ไปทำฟาวล์ใส่ บูคาโย่ ซาก้า และก็เป็น แฮร์รี่ เคน ที่รับหน้าที่สังหาร ตีเสมอให้อังกฤษ 1-1 ในนาทีที่ 54 และเป็นประตูที่ 8 ในฟุตบอลโลก ของดาวยิงจาก สเปอร์ส อีกทั้งยังเป็นประตูที่ 53 ในนามทีมชาติ
นาทีต่อมา เป็นจังหวะเล่นเร็วบอลมาถึง อาเดรียง ราบิโอต์ ซัดตามน้ำด้วยซ้าย แต่ดีที่ จอร์แดน ฟิคฟอร์ด ยังปัดออกมาได้
นาทีที่ 70 อังกฤษ พลาดการได้ประตูพลิกนำ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เปิดฟรีคิก แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ได้ขึ้นเทคโหม่งคนเดียว แต่บอลหลุดกรอบออกไปแบบได้ลุ้น
อีก 7 นาทีต่อมา จอร์แดน ฟิคฟอร์ด มาโชว์ซุเปอร์เซฟให้อังกฤษ ปัดลูกแปของ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ออกไปได้
แต่นาทีต่อมา โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ไม่พลาดมาพุ่งโหม่งลูกที่ อองตวน กรีซมันน์ เปิดจากริมเส้นฝั่งซ้าย เข้าไปอย่างยอดเยี่ยม ฝรั่งเศส นำ 2-1 ในนาทีที่ 78
นาทีที่ 82 ผู้ตัดสินมาเช็ก VAR จากจังหวะที่ เมสัน เมาท์ ตัวสำรองไปถูก เตโอ แอร์กน็องเดซ ชนในกรอบ และชี้ให้อังกฤษ ได้จุดโทษอีกครั้ง
แฮร์รี่ เคน เป็นคนสังหารจุดโทษ อีกครั้ง แต่คราวนี้พลาดยิงข้ามคาน นาทีที่ 84 อังกฤษ ยังไม่กลับมาสู่เกม
เวลาที่เหลือ อังกฤษ พยายามลุยแหลก ขณะที่ ฝรั่งเศส เน้นรับและรอจังหวะสวนกลับ แต่ไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม ฝรั่งเศส เฉือนชนะ อังกฤษ 2-1 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ไปพบกับ โมร็อกโก วันที่ 14 ธันวามคม
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
อังกฤษ (4-3-3) : จอร์แดน ฟิคฟอร์ด ; ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตน, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์; จู๊ด เบลลิ่งแฮม, ดีแคลน ไรซ์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ; ราฮีม สเตอร์ลิง; บูคาโย่ ซาก้า, แฮร์รี่ เคน, ฟิล โฟเด้น
ฝรั่งเศส (4-2-3-1) : อูโก้ โยริส; ฌูลส์ กุนเด้, ราฟาแอล วาราน, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, เตโอ แอร์กน็องเดซ; ออเรเลียง ชูอาเมนี่, อาเดรียง ราบิโอต์ ; อุสมาน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีเลียน เอ็มบัปเป้; โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
