เกมนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ที่เป็นเกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ครั้งแรกระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์พรีเมียร์ลีก พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แชมป์คาราบาว คัพ แมตช์นี้ถือเป็นดาร์บี้แม็ตช์ นัดที่ 190 ของทั้งคู่
เป๊ป กวาดิโอล่า กุนซือแมนฯ ซิตี้ จัดทีมชุดที่ดีที่สุด นำโดย เควิน เดอ บรอยน์ และ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ส่วนผู้รักษาประตูเลือกใช้ สเตฟาน ออร์เตก้า ที่ยังไม่เสียคลีนชีตในรายการนี้ของฤดูกาลนี้
สถิติก่อนเกม เอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ แมนฯ ซิตี้ พบ แมนยู 3 มิ.ย.65
วิเคราะห์บอล !! เอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ แมนฯซิตี้ พบ แมนยู 3 มิ.ย.66
ด้าน เอริก เทน ฮาก เกมนี้ยังไม่มี อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล กองหน้าที่เจ็บทำให้เลือกใส่ เฟร็ด มาเล่นคู่กับ กาเซมีโร่ เพื่อนร่วมชาติ และดัน คริสเตียน เอริคเซ่น ขึ้นไปสูงช่วยเกมรุก ขณะที่ เจดอน ซานโช่ ได้สตาร์ตเช่นกัน
เริ่มเกมไปเพียงแค่ 13 วินาที เควิน เดอ บรอยน์ เปิดบอลยาวไปถึง อิลคาย กุนโดกัน กดด้วยขวาส่งให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำอย่างรวดเร็ว 1-0 พร้อมกับกลายเป็นคนที่ทำประตูเร็วที่สุดในนัดชิงในเอฟเอ คัพ โดยทำลายสถิติเดิมที่ หลุยส์ ซาฮา ทำไว้ที่ 25วินาที ในนัดชิงปี 2009
ผ่าน 20 นาที แมนฯ ซิตี้ โอกาสยิงมีมากกว่า ถึง 5 ครั้ง ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด โอกาสขึ้นบอลยังไม่ได้น้ำได้เนื้อเท่าไหร่
นาทีที่ 28 แมนฯ ซิตี้ เกือบได้ประตูที่ 2 จากจังหวะยิงนอกกรอบด้วยซ้ายของ เควิน เดอ บรอยน์ หลุดเสาแรกออกไปนิดเดียวเท่านั้น
นาทีที่ 30 แมนฯ ยูไนเต็ด มาได้จุดโทษ จากจังหวะที่ แจ็ค กรีลิช ไปกางแขนในเขตโทษจังหวะที่ อารอน วาน-บิสซาก้า โหม่งหวังให้เพื่อน ซึ่งผู้ตัดสิน พอล เทียร์นี่ย์ วิ่งไปดู VAR พร้อมให้เป็นจุดโทษ และเป็น บรูโน่ แฟร์นันด์ส รับหน้าที่สังหารเข้าไป ในนาที 33 แมนฯ ยูไนเต็ด ตีเสมอ 1-1
ช่วง 5 นาทีท้ายครึ่งแรก แม้ ซิตี้ จะมีโอกาสได้กดใส่ แต่ก็ยังทำประตูนำอีกครั้งไม่ได้ จบ 45 นาทีแรกเกมยังเสมอ 1-1
กลับมาครึ่งหลัง นาทีที่ 51 จากจังหวะฟรีคิก เดอ บรอยน์ ตัดจากทางริมเส้นฝั่งขวาให้ อิลคาย กุนโดกัน ยิงด้วยซ้ายจากระยะประมาณ 20 หลา แม้จะยิงแบบไม่เต็มแต่บอลกลางเป็นดี พุ่งตรงกรอบชนิดที่ ดาบิด เด เค อา ปัดไม่ถึง แมนฯ ซิตี้ นำ 2-1
นาทีที่ 62 ซิตี้ ยังไม่ได้ประตูที่ 3 เมื่อ ดาบิด เด เคอา ยังมาใช้เท้าเซฟลูกยิงของ เควิน เดอ บรอยน์ เอาไว้ได้
แมนฯ ยูไนเต็ด พยายามเจาะแต่หาช่องไม่เจอ นาทีที่ 69 มาร์คัส แรชฟอร์ด มายิงนอกกรอบด้วยขวา บอลข้ามคานออกไปนิดเดียวแบบได้ลุ้นประตูเหมือนกัน
นาทีที่ 71 กุนโดกัน ยิงเข้าไปแต่ก็ไม่ได้แฮตทริก เนื่องจากผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้าไปก่อนแล้ว
อีก 2 นาทีต่อมา แมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะได้ประตูตีเสมอเมื่อ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ตัวสำรองได้กดด้วยขวา แต่บอลหลุดเสาสองไปนิดเดียวเท่านั้น
ช่วง 5 นาทีสุดท้าย แมนฯ ยูไนเต็ด พยายามบุกใส่เพื่อหวังประตูตีเสมอ ยื้อต่อเวลาแต่ทว่าก็ไม่สามารถทำได้ จบเกม แมนฯ ซิตี้ เฉือนชนะ 2-1 คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ เป็นสมัยที่ 7 และถือเป็นครั้งที่ 2 ที่ทีมสามารถคว้าได้ทั้งแชมป์พรีเมียร์ลีก และเอฟเอ คัพ หลังจากก่อนหน้านี้เคยทำได้ในฤดูกาล 2018-19
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (3-2-4-1) : สเตฟาน ออร์เตก้า - ไคล์ วอล์คเกอร์, รูเบน ดิอาส, มานูเอล อาคานจี - จอห์น สโตนส์, โรดรี้ - แบร์นาร์โด้ ซิลวา, เควิน เดอ บรอยน์, อิลคาย กุนโดกัน, แจ็ค กรีลิช - เออร์ลิ่ง ฮาลันด์
แมนฯ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา - อารอน วาน-บิสซาก้า, ราฟาแอล วาราน, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, ลุค ชอว์ - เฟร็ด, กาเซมีโร่, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, คริสเตียน เอริคเซ่น, เจดอน ซานโช่ - มาร์คัส แรชฟอร์ด