ปรีวิว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ
วันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน 2566
(พรีเมียร์ลีก) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ -อินเตอร์ มิลาน (เซเรีย อา)
สนาม : อตาเติร์ก | อิสตันบูล (ตุรกี) เวลาคิกออฟ : 02.00 น.
ผู้ตัดสิน : ซิม่อน มาร์ชิเนี๊ยค (โปแลนด์)
ผลงานการพบกันที่ผ่านมา
31 ก.ค.2554 อินเตอร์ มิลาน 0 - 3 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อุ่นเครื่อง)
01 ส.ค. 2553 อินเตอร์ มิลาน 3 - 0 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อุ่นเครื่อง)
01 ส.ค. 2553 อินเตอร์ มิลาน 3 - 0 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อุ่นเครื่อง)
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ผลงาน 5 นัดหลังสุด
3 มิ.ย.2566 ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-1 (กลาง,นัดชิงชนะเลิศ) เอฟเอ คัพ
28 พ.ค. 2566 แพ้ เบรนท์ฟอร์ด 0-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
24 พ.ค. 2566 เสมอ ไบรท์ตัน 1-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
21 พ.ค. 2566 ชนะ เชลซี 1-0 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
17 พ.ค. 2566 ชนะ เรอัล มาดริด 4-0 (เหย้า) ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
แฟนบอล "แมนฯซิตี้-อินเตอร์ มิลาน" ยกทฤษฎีทีมรักซิวแชมป์ UCL
เอแดร์ซอน สัญญากับลูกสาวจะย้อมผมสีฟ้า หาก แมนซิตี้ คว้าแชมเปี้ยนส์ลีก
สภาพทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้
เป๊ป กวาดิโอล่า พาซิตี้ ผ่านทะลุรอบตัดเชือกด้วยการชนะ เรอัล มาดริด แชมป์เก่า และแชมป์ 14 สมัย โดยเวลานี้กุนซือชาวสแปนิช กำลังหวังถึง 3 แชมป์หลังจาก ได้แชมป์เอฟเอ คัพ ที่เป็นแชมป์ที่ 2 ต่อจากพรีเมียร์ลีก เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ด้วยการชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด เกมนี้ ไคล์ วอล์คเกอร์ ที่ก่อนหน้านี้เจ็บที่หลัง แต่สุดท้ายคาดว่าจะฟิตสมบบูรณ์เป็นตัวจริงได้ทันเวลา นอกจากนี้ยังจะมีการเรียก เอแดร์ซอน กลับมาเฝ้าเสา หลังจากสัปดาห์ที่แล้วเปิดทางให้ สเตฟาน ออร์เตก้า ทำหน้าที่ นอกจากนั้นน่าจะเป็นชุดเดิมทั้งหมด อิลคาย กุนโดกัน กัปตันทีมที่ยิง 2 ประตู ในเกมที่ เวมบลี่ย์ และยังไม่ต่อสัญญาใหม่กับทีม จะเชื่อมเกมร่วมกับ แบร์นาร์โด้ ซิลวา และ เควิน เดอ บรอยน์ โดยมี เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ที่ยิงไปแล้ว 52 ประตูในฤดูกาลนี้ทุกรายการยืนเป็นหน้าเป้า และใช้ จอห์น สโตนส์ ตัดเกมร่วมกับ โรดรี้
ผู้เล่น 11 คนแรกที่คาดว่าจะลงสนาม
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (3-2-4-1) : เอแดร์ซอน - ไคล์ วอล์คเกอร์, รูเบน ดิอาส, มานูเอล อาคานจี - จอห์น สโตนส์, โรดรี้ - แบร์นาร์โด้ ซิลวา, เควิน เดอ บรอยน์, อิลคาย กุนโดกัน, แจ็ค กรีลิช - เออร์ลิ่ง ฮาลันด์
อินเตอร์ มิลาน
ผลงาน 5 นัดหลังสุด
3 มิ.ย.2566 ชนะ โตริโน่ 1-0 (เยือน) เซเรีย อา
27 พ.ค. 2566 ชนะ อตาลันต้า 3-2 (เหย้า) เซเรีย อา
24 พ.ค. 2566 ชนะ ฟิออเรนติน่า 2-1 (กลาง) โคปปา อิตาเลีย
21 พ.ค. 2566 แพ้ นาโปลี 1-3 (เยือน) เซเรีย อา
16 พ.ค. 2566 ชนะ เอซี มิลาน 1-0 (เหย้า) ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
สภาพทีมอินเตอร์ มิลาน
ซิโมเน่ อินซากี้ กุนซือ อินเตอร์ มิลาน พาทีมป้องกันแชมป์ โคปปา อิตาเลีย ซึ่งถือเป็นแชมป์ไปแล้ว 1 รายการ ขณะที่ในรอบรองชนะเลิศ ชนะ เอซี มิลาน คู่ปรับร่วมเมือง เกมนี้จะได้ เฮนริค มคิทาร์ยาน ที่เจ็บต้นขาในเกมรอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 ที่ชนะ เอซี มิลาน 1-0 ส่วน โจอากิน คอร์เรอาร์ ตัวรุกชาวอาร์เจนไตน์ ที่เจ็บในเกม ชนะ ฟิออเรนติน่า นัดชิงโคปปา อิตาเลีย พร้อมกลับมาเป็นตัวเลือกเช่นกัน เกมรุก เลาตาโร่ มาร์ติเนซ กับ เอดิน เชโก้ จะลงล่าตาข่ายร่วมกันก่อน โดยมี โรเมลู ลูกากู รอเปลี่ยนเกมอยู่ที่ข้างสนาม ส่วนพื้นที่ริมเส้นทางซ้าย เฟเดริโก้ ดิมาร์โก้ ที่ไม่ได้ลงเล่นในนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่บุกไปชนะ โตริโน่ จะถูกเรียกคืนตัวจริง
ผู้เล่น 11 คนแรกที่คาดว่าจะลงสนาม
อินเตอร์ มิลาน (3-5-2) : ซาเมียร์ ฮันดาโนวิช, มัตเตโอ ดาร์เมียน, ฟรานเชสโก้ อแชร์บี้, อเลสซานโดร บาสโตนี่ - เดนเซล ดัมฟรีส์, นิโกโล่ บาเรลล่า, เฮนริค มคิทาร์ยาน, ฮาคาน ชัลฮาโนกลู, เฟเดริโก้ ดิมาร์โก้ - เลาตาโร่ มาร์ติเนซ, เอดิน เชโก้
ความน่าจะเป็นของเกม
เป็นที่รู้กันดีกว่า เป๊ป กวาดิโอล่า ต้องการนำทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้า 3 แชมป์ พร้อมกับจะเป็นเกมส่งท้ายที่สุดวิเศษ ขณะที่ อินเตอร์ มิลาน ก็หวังจะมีอีกหนึ่งแชมป์ติดมือ หลังป้องกันแชมป์ โคปปา อิตาเลีย เอาไว้ได้ นัดนี้เล่นในสังเวียนกลาง ทำให้เกมจะไม่มีฝั่งใดเสียเปรียบ แมนฯ ซิตี้ คือทีมที่ครองบอลได้มากที่สุดในแชมเปียนส์ลีกฤดูกาลนี้ แม้ว่ากองหลังของอินเตอร์จะแข็งแกร่งในยุโรปก็ตาม แต่นัดนี้ถือว่าไม่ง่าย เพราะ ซิตี้ ถือมีการเข้าทำและอาวุธเกมรุกที่หลากหลาย ซึ่งหากทีมจาก เซเรีย อา มาโดนกดดันอย่างต่อเนื่องตลอด 90 นาที ดูแล้วไม่น่าจะรับมือได้อยู่และยกแแชมป์ให้ทีมจากพรีเมียร์ลีก ในที่สุด
สกอร์ที่คาด :
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ 2-1
เกร็ดน่าสนใจก่อนเกม
-เป็นเกมนัดชิงถ้วยใหญ่สโมสรยุโรป เป็นนัดที่ 68
-ทั้ง 2 ทีมไม่เคยเจอกันในรายการนี้เลย และที่สำคัญการเจอกันครั้งแรก ก็เป็นนัดสำคัญคือนัดชิงชนะเลิศ
- แมนฯ ซิตี้ เขาชิงรายการนี้เป็นครั้งที่ 2 ต่อจากปี 2021 ที่แพ้ให้กับ เชลซี 0-1 และยังไม่เคยได้แชมป์รายการนี้เลย
- แมนฯ ซิตี้ หากชนะในนัดนี้จะกลายเป็นทีมที่ 23 ที่คว้าแชมป์รายการนี้ และเป็นชื่อใหม่แรกบนถ้วยนี้นับตั้งแต่ชัยชนะของเชลซีในปี 2012
-ทีมจากอังกฤษคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ 14 ครั้งจากการลงสนาม 25 นัด โดยในยุค ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ชนะ 6 แพ้ 9 นี่เป็นนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกครั้งที่ 5 จาก 6 นัดหลังสุดที่มีทีมตัวแทนจากพรีเมียร์ลีกหลุดเข้ามา
-ทีมจากอิตาลีคว้าชัยชนะในรอบชิงชนะเลิศถ้วยยุโรป (นับรวมทุกถ้วย) 12 ครั้ง แพ้ 16 ครั้ง ในยุคยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก สถิติของทีมจากอิตาลี คือชนะ 5 แพ้ 8
-อินเตอร์ มิลาน เข้าชิงรายการนี้เป็นครั้งที่ 6 (นับรวมสมัยเป็น ยูโรเปี้ยน คัพ) โดยคว้าแชมป์ไปแล้ว 3 สมัย ในปี 1964, 1965, 2010 ซึ่งการคว้าแชมป์ครั้งหลังสุด คือการชนะบาเยิร์น มิวนิค 2-0 ในยุคที่ โจเซ่ มูรินโญ่
-หาก อินเตอร์ มิลาน ชนะในนัดนี้จะเป็นแชมป์สมัยที่ 4 แซงหน้า แมนฯ ยูไนเต็ดที่คว้าแชมป์รายการนี้ 3 สมัยโดยจะเท่ากับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม แต่ยังน้อยกว่า เรอัลมาดริด (14), เอซี มิลาน (7), บาเยิร์น มิวนิค กับ ลิเวอร์พูล (6) และบาร์เซโลน่า (5)
-เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เคยเป็นแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยคุมทีม บาร์เซโลน่า ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 3-1 เมื่อปี 2011 หรือ 12 ปีที่แล้ว
-เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เคยคว้าแชมป์รายการนี้ในการคุม บาร์เซโลน่า ในปี 2009 และ 2011 ซึ่งหากพา ซิตี้ คว้าแชมป์จะกลายเป็นโค้ชคนที่ 6 ที่คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ กับ 2 สโมสรที่แตกต่างกัน ต่อจาก เอิร์นสท์ ฮัปเปล (เฟเยนูร์ด 1970, ฮัมบูร์ก 1983), อ็อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 1997, บาเยิร์น มิวนิค 2001), โชเซ่ มูรินโญ่ (ปอร์โต้ 2004, อินเตอร์ 2010), จุ๊ปป์ ไฮย์เกส (เรอัล มาดริด 1998, บาเยิร์น มิวนิค 2013) และคาร์โล อันเชล็อตติ (เอซี มิลาน 2003, 2007, เรอัล มาดริด 2014, 2022)
-อินเตอร์ มิลาน เป็นทีมจากอิตาลีทีมสุดท้ายที่คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก แท้จริงแล้ว มีเพียงสโมสรเดียวในเซเรีย อา ที่ได้เข้าชิงชนะเลิศ นับตั้งแต่ทีมชนะ บาเยิร์น มิวนิค เมื่อ 13 ปีที่แล้ว นั่นก็คือ ยูเวนตุส แต่ก็ไปแพ้ในปี 2015 และ 2017