เจิ้ง จื้ออิง คิดว่าความฝันในการแข่งขันโอลิมปิกของเธอจบลงแล้วหลังออกจากทีมเทเบิลเทนนิสของจีน จากนั้นอีก 38 ปีต่อมา เธอได้เข้าร่วมแข่งขันที่ปารีส 2024 โดยได้เตรียมก่อนเข้าร่วมปารีสเกมส์ 2024 ในศูนย์กีฬาซานติอาโก เด ชิลี เป็นห้องชั้นใต้ดิน และอาจมีเสียงสั่นสะเทือนจากทีมกีฬาที่ดังสนั่นอยู่ด้านบน
เจิ้ง ฝึกซ้อมที่นี่ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ เป็นเวลา 3 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งตามโปรแกรมแล้วเธอต้องเดินทางเข้าร่วมฝึกซ้อมที่ศูนย์ฝึกปิงปองระดับโลก Mirandela Center ที่โปรตุเกส
สำหรับความฝันในโอลิมปิกเริ่มต้นเมื่อเธออยู่ในทีมเยาวชนมืออาชีพในจีนช่วงปี 1970 จนกระทั่งเดือนพฤษภาคมนี้ที่เธอเติมเต็มความฝันสำเร็จด้วยการชนะหลายรายการและจบอันดับ 8 ในภูมิภาค พร้อมโควต้าปารีสเกมส์
เรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์พลิกผันที่คาดเดาไม่ได้ เจิ้ง เลิกเล่นเทเบิลเทนนิสอาชีพในปี 1986 ตอนที่เธออายุ 20 ปี และตอนนี้เธอเป็นเจ้าของบริษัทเฟอร์นิเจอร์ในในเมือง Iquique ทางตอนเหนือของชิลี
การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ทำให้กลับมาสู่การเล่นปิงปองอย่างไม่คาดคิด ในช่วงล็อกดาวน์ที่เข้มงวดของชิลี เธอจึงซื้อโต๊ะปิงปองและเล่นคนเดียวที่บ้านเป็นเวลาหลายชั่วโมงทุกวัน เมื่อยกเลิกการล็อกดาวน์ เธอได้เข้าร่วมการแข่งขันในท้องถิ่นบางรายการเพื่อความสนุกสนาน คว้าแชมป์ทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย ภายในปี 2023 เธอเป็นผู้เล่นหญิงที่มีอันดับสูงสุดในประเทศและผ่านเข้ารอบในทีมชาติชิลี
ในฐานะส่วนหนึ่งของทีมหญิงชิลี เธอได้รับรางวัลชนะเลิศใน Sudamericanos 2023 และเหรียญทองแดงใน Pan-American Games ปี 2023 ในประเภทเดี่ยว เธอผ่านเข้ารอบเป็นตัวแทนของชิลีในปารีส 2024
เรื่องราวกีฬาอันน่าทึ่งของ เจิ้ง เริ่มต้นในปี 1966 เมื่อเธอเกิดที่มณฑลกวางโจว โดยมีคุณพ่อเป็นวิศวกรและคุณแม่เป็นโค้ชเทเบิลเทนนิส ภายในปี 1983 ได้รับเลือกให้เข้าร่วมทีมปิงปองระดับชาติของจีน และมุ่งมั่นที่จะเป็นตัวแทนของประเทศบนเวทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด "ผู้เล่นทุกคนใฝ่ฝันที่จะได้ไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิก"
สิ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อกฏ “two-colour rule” นำมาใช้เมื่อปี 1986 ซึ่งกำหนดให้ผู้เล่นต้องใช้หน้าไม้ปิงปองที่มีสองสี ซึ่งทำให้ผู้เล่นสามารถระบุได้ว่าฝ่ายตรงข้ามใช้พื้นผิวใด และคาดเดาความเร็วและการหมุนของไม้ได้ การเปลี่ยนแปลงนี้มากเกินไปสำหรับเธอที่เคยเล่นไม้ปิงปองสีเดียวตั้งแต่ยังเด็ก เธอกล่าวว่า "กฎเกณฑ์นี้ทำลายเกมของฉัน ฉันรู้สึกอ่อนแอทั้งในด้านจิตใจและด้านเทคนิค"
จากนั้นจึงตัดสินใจแยกทางกับทีมชาติและแทบไม่ได้เล่นอีกเลย จนกระทั่งโค้ชชาวจีนในชิลีเสนองานให้เธอเป็นโค้ชให้กับเด็กนักเรียนในปี 1989 การย้ายไปอยู่ต่างประเทศอันห่างไกลดึงดูดความสนใจ โดยไม่ได้คิดที่จะเป็นผู้เล่นมืออาชีพอีกต่อไป แต่เป็นโค้ชแทน
เธอเข้าทำงานและคลุกคลีกับชุมชนชาวจีนเล็กๆ ทางตอนเหนือของชิลี ที่นั่น เธอได้รู้จักกับธุรกิจนำเข้าที่กำลังเติบโต และในที่สุดก็ลาออกจากการฝึกสอนเพื่อหันมาประกอบอาชีพค้าขายสินค้าจากจีน
"ในชิลีพวกเขาออกเสียงชื่อฉันไม่ได้ พวกเขามีปัญหากับ Z แต่เช่นเดียวกับคนจีนทุกคนที่มาที่นี่ เราใช้ชื่อชิลี ฉันจึงใช้ชื่อว่า ทาเนีย (Tania)
ฮวน ลิซามา ซึ่งเป็นโค้ชและเพื่อนของเธอ เผยว่าเธอสามารถแข่งขันโอลิมปิกได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเธอเล่นในช่วงทศวรรษ 1990 โดยกล่าวว่า "เธอเก่งมาก อยู่ในระดับเดียวกับปัจจุบัน เธอเอาชนะผู้เล่นที่มีชื่อเสียงในอเมริกาใต้ได้ และเอาชนะพวกเขาได้อย่างง่ายดาย"
เกมของเธอเป็นเกมรับ เธอตอบสนองต่อการโจมตีด้วย "เอฟเฟกต์" ที่แตกต่างกัน เช่น การฟันเพื่อชะลอลูกบอล หรือการหมุนเพื่อพรางทิศทาง และเก่งที่สุดเมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดัน
เมื่อชิลีเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาแพนอเมริกันเกมส์ในปี 2023 เธอกลายมาเป็นฮีโร่ของชาติ เป็นนักกีฬาที่อายุมากที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้และคว้าแชมป์มาได้ แฟนๆ เรียกเธอด้วยความรักว่า “เทีย ทาเนีย” ท่ามกลางฝูงชนที่เข้าร่วมการแข่งขันครั้งหนึ่ง แฟนกีฬารุ่นเยาว์คนหนึ่งบอกกับสื่อมวลชนว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อมาเยี่ยม "คุณย่านักปิงปอง"
อย่างไรก็ตามในเดือนกุมภาพันธ์ เธอไม่ได้ติดทีมชาติชิลีไปแข่งขันชิงแชมป์โลกที่เกาหลีใต้ แม้ว่าจะเป็นนักกีฬาหญิงที่มีอันดับสูงสุดในประเทศก็ตาม ทำให้รู้สึกงุนงงว่าทำไมเธอถึงถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แต่เธอก็ไม่สนใจและแสดงออกถึงความมุ่งมั่นตามแบบฉบับของเธอ โดยกล่าวว่า "ในวงการกีฬา ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ฉันจะเล่นต่อไป"
ความเชื่อมั่นในตัวเองที่ไม่หวั่นไหวนี้เองที่ทำให้เธอไปถึงปารีส 2024 ได้ แม้จะต้องเผชิญอุปสรรคมากมาย
"ในวัยของฉัน คุณต้องเล่นกับความสุข ไม่ใช่ความทุกข์ ฉันรักประเทศนี้ ฉันไม่สามารถบรรลุความฝันที่จีนได้ แต่ที่นี่ฉันทำได้แล้ว สิ่งสำคัญคือต้องไม่ยอมแพ้"