คู่บิ๊กแมตช์นัดเปิดฤดูกาล 2024-2025 วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม "สิงห์บูลส์" เชลซี จะเปิดสแตมฟอร์ด บริดจ์ รับการมาเยือนของแชมป์เก่า "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเวลา 22.30 น. ตามเวลาประเทศไทย คู่นี้พบกันฤดูกาลที่ผ่าน 3 นัด ซึ่งเกมในลีกเสมอทั้ง 2 นัด โดยเสมอที่บ้านเชลซี 4-4 และจบด้วยสกอร์ 1-1 ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม ส่วนในเกมเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แมนฯ ซิตี้ ชนะ 1-0 จากประตูชัยของ แบร์นาโด ซิลวา
"มาเรสก้า" รับยังคุมซ้อมกับนักเตะไม่ครบ หลังเชลซี เสริมต่อเนื่อง
โปรแกรมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2024-25 นัดเปิดฤดูกาล-พร้อมเวลาแข่ง
เอ็นโซ่ มาเรสก้า กุนซือคนใหม่เชลซี ที่เคยเป็นผู้ช่วยของ เป๊ป กวาดิโอล่า ลงอุ่นเครื่้อง 6 นัดชนะเพียงนัดเดียว โดยเกมล่าสุดเปิดบ้านเสมอ อินเตอร์ มิลาน 1-1 เกมนี้จะไม่มี รีส เจมส์ ที่ยังต้องต่อสู้กับอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อด้านหลังมาจากฤดูกาลที่แล้ว ทำให้ มาโล กุสโต้ จะออกสตาร์ตแทนในตำแหน่งแบ๊กขวา โดยคู่เซ็นเตอร์ จะเป็น เวสลีย์ โฟฟาน่า กับ เลวี่ โคลวิลล์ มีแนวโน้มสูงที่จะลงเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ โดยมี มาร์ก กูกูเรย่า ดีกรีแชมป์ยูโร 2024 กับทีมชาติสเปน ยืนอยู่ทางซ้าย โรเมโอ ลาเวีย อาจได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงในพรีเมียร์ลีกครั้งแรกหลังจากย้ายมาร่วมทีมเมื่อ 12 เดือน และเจอปัญหาบาดเจ็บยาวรบกวน โดยจะยืนประสานงานในแดนกลางกับ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ และ มอยเซส ไกเซโด ส่วน คอนอร์ กัลลาเกอร์ ที่กำลังเป็นข่าวย้ายไปแอต.มาดริด น่าจะไม่มีชื่อในเกมนี้ ขณะที่ 3 ประสานเกมรุก โคล พาลเมอร์ ที่ฤดูกาลที่แล้วในลีกทำไป 22 ประตู พร้อมลงยิงทีมเก่า ร่วมกับ เปโดร เนโต้ แนวรุกตัวใหม่ที่ดึงมาจากวูลฟ์แฮมป์ตัน และ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู
เป๊ป กวาดิโอล่า กุนซือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่า พาทีมประเดิมคว้าแชมป์คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ซึ่งเป็นรายการนี้สมัยที่ 7 ดวลการชนะดวลจุดโทษ 7-6 หลังเสมอใน 90 นาที 1-1 ขณะที่ความพร้อมในเกมนี้ จะยังพลาดใช้งาน โรดรี เอร์นานเดซ ที่เพิ่งกลับมารายงานตัวฝึกซ้อมกับทีมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา หลังเสร็จจากการช่วย ทีมชาติสเปน คว้าแชมป์ ยูโร 2024 และยังไม่ฟื้นจากอาการเจ็บแฮมสตริง ด้าน ออสการ์ บ็อบบ์ ปีกดาวรุ่งทีมชาตินอร์เวย์ เป็นอีกรายที่ยังเจ็บและต้องพัก 3-4 เดือน หลังเข้ารับการผ่าตัดกระดูกน่องหัก ส่วน 3 แข้งทีมชาติอังกฤษอย่าง ฟิล โฟเด้น , ไคล์ วอล์คเกอร์ และ จอห์น สโตนส์ ที่เพิ่งกลับมาฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ได้เพียงไม่กี่วัน ต้องลุ้นว่านัดนี้จะสมบูรณ์พอลงเล่นหรือไม่ แต่ตัวหลักรายอื่นพร้อมลงสนามไม่ว่าจะเป็น แบร์นาร์โด้ ซิลวา, เควิน เดอ บรอยน์, เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ รวมถึง แจ็ค กรีลิช ที่หวังเบียดแย่งตัวจริงคืนจาก เฌเรมี่ โดกู เช่นก้น ด้าน ซาวินโญ่ แข้งใหม่ชาวบราซิเลี่ยน วัย 20 ปี อาจได้สตาร์ตทางขวาแทนการขาดให้ไปของ ออสการ์ บ็อบบ์
ผู้เล่น 11 คนแรกที่คาดว่าจะลงสนาม
เชลซี (4-3-3) : โรเบิร์ต ซานเชซ - มาโล กุสโต้, เวสลีย์ โฟฟาน่า, เลวี่ โคลวิลล์, มาร์ก กูกูเรย่า - เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, โรเมโอ ลาเวีย, มอยเซส ไกเซโด- เปโดร เนโต้, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, โคล พาลเมอร์
แมนฯ ซิตี้ (4-2-3-1) : เอแดร์ซอน โมราเอส- ริโก้ ลูอิส, มานูเอล อาคันจี, รูเบน ดิอาส, ยอสโก้ กวาร์ดิโอล - แบร์นาร์โด้ ซิลวา, มาเตโอ โควาชิช- ซาวินโญ่ , เควิน เดอ บรอยน์, เฌเรมี่ โดกู - เออร์ลิ่ง ฮาลันด์
ความน่าจะเป็นของเกม
เชลซี มีออฟชั่นผู้เล่นให้เลือกเยอะที่เป็นผู้เล่นวัยรุ่น บวกกับได้เล่นในบ้าน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายกับการดวลกับ แมนฯ ซิตี้ ที่แม้ผู้เล่นตัวหลักยังกลับมาไม่ครบ โดยเฉพาะโรดี้ แต่ก็เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วกับการวางแท็กติกสุดเขี้ยวของกุนซือ เป๊ป กวาดิโอล่า โดยเฉพาะเกมรุกที่มีพิษสงร้ายกาจไม่ว่าจะเป็น เควิน เดอ บรอยน์, เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ หรือการป่วนของ เฌเรมี่ โดกู จึงมองว่าจบ 90 นาทีวันนี้ แมนฯ ซิตี้ ดีกว่าและจะบุกมาเก็บ 3 แต้มกลับออกไปได้
สกอร์ที่คาด
แมนฯ ซิตี้ ชนะ 2-0