เปิดจุดอ่อนอาร์เซน่อล "อาร์เตต้า" ต้องเร่งแก้ไข หลังแผลเปิดชัดเกมพ่ายแมนยู

การที่ อาร์เซน่อล ตกรอบ 3 เอฟเอ คัพ หลังพ่ายให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยการดวลจุดโทษ ถือเป็นผลพวงอันเจ็บปวดจากความพ่ายแพ้ต่อ นิวคาสเซิ่ล 0-2 ที่บ้านในนัดแรก รอบรองชนะเลิศ ศึกคาราบาว คัพ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

มิเกล อาร์เตต้า กุนซือปืนใหญ่ ได้ให้สัมภาษณ์หลังเกมว่าหลือเชื่อที่ลูกทีมเป็นฝ่ายเหนือกว่ามาก แต่ไม่สามารถเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเวลาปกติ จนแพ้ช่วงดวลจุดโทษตกรอบ เอฟเอ คัพ โดยบอกว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นแค่ 1 ใน 1,000 ครั้งเท่านั้น

AFP/IAN KINGTON / IKIMAGES

"คุณควรจะแพ้สักเกม แต่น่าเสียดายที่มันเป็นเกมนี้ คุณ (อาร์เซนอล) สมควรที่จะชนะเกมนี้แบบทิ้งห่าง แต่ความจริงคือเราตกรอบ และนั่นคือสิ่งเดียวที่จะถูกตัดสิน"

ปัญหาหลายอย่างของอาร์เซน่อล และสาเหตุที่พวกเขาตามหลังลิเวอร์พูลจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกอยู่ 6 คะแนน ทั้งที่แข่งมากกว่า 1 เกม เกิดจาก อาร์เตต้า และกลยุทธ์การย้ายทีมของสโมสร

การซื้อตัวของ อาร์เตต้า ทำให้ ปืนใหญ่ กลายเป็นเครื่องมือที่ไร้ประสิทธิภาพในขณะที่การขาดความทันสมัยคือจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดและเห็นได้ชัดที่สุดของพวกเขา 

คำตอบง่ายๆ คือ อาร์เซน่อล เป็นทีมที่ไม่มีกองหน้าตัวเก่งมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่ง อาร์เตต้า ปฏิเสธที่จะแก้ไข โดยเลือกที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งอื่นแทนที่จะเน้นที่ความต้องการที่เร่งด่วนและชัดเจนที่สุด 

ตอนนี้ทีมตกรอบเอฟเอ คัพ รอบแรก ต้องต่อสู้อย่างยากลำบากเพื่อไปถึงเวมบลีย์ในคาราบาว คัพ และดิ้นรนเพื่อตาม ลิเวอร์พูล ในการลุ้นแชมป์ ความล้มเหลวของอาร์เตต้าและอาร์เซน่อลในการเซ็นสัญญากับผู้ทำประตูได้ถูกเปิดแผลชัดยิ่งขึ้น

หากศึกษาสถิติจากความพ่ายแพ้ 2 ครั้งที่ผ่านมา จะพบว่าปัญหานั้นชัดเจนมาก ทีมมีโอกาสยิง 23 ครั้งและเข้ากรอบเพียง 3 ครั้งในการเจอกับนิวคาสเซิ่ล และ 26 ครั้งแต่เข้ากรอบ 7 ครั้งในการเจอกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใน 120 นาที จาก 26 ครั้งนี้ 22 ครั้งมาจากในกรอบเขตโทษ โดย อาร์เซ่นอล สัมผัสบอล 55 ครั้งในเขตโทษขอ งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 

จากทั้งหมดนี้ ประตูเดียวในทั้ง 2 เกมนี้ มาจากลูกยิงของ กาเบรียล มากัลเญส กองหลัง 

เพื่อเน้นย้ำถึงการขาดประสิทธิภาพของอาร์เซน่อล เกมดังกล่าวเกิดขึ้นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเล่นในช่วง 29 นาทีสุดท้ายของเวลาปกติและอีก 30 นาทีในช่วงต่อเวลาพิเศษโดยเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน หลังจากกองหลังดิโอโก ดาโลต์ โดนไล่ออกจากสนามเนื่องจากรับใบเหลืองใบที่สอง

ข้อบกพร่องของอาร์เซน่อลนั้นชัดเจนมากในฤดูกาลที่แล้ว แต่โอกาสที่จะพยายามแก้ไขปัญหานี้กลับพลาดไปในช่วงตลาดซื้อขายช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา 

ปืนใหญ่ มีข่าวกับ เบนจามิน เซสโก้ จากแอร์เบ ไลป์ซิก ได้รับการยกย่องว่าเป็นเป้าหมายสูงสุดด้วยค่าฉีกสัญญา 55 ล้านปอนด์ ขณะที่ วิกตอร์ โยเคเรส แข้งตัวเก่งของสปอร์ติ้ง ก็เป็นอีกชื่อหนึ่งที่อยู่ในลิสต์เช่นกัน 

แทนที่จะซื้อเข้ามา อาร์เตต้า กลับตั้งใจเสริมความแข็งแกร่งให้กับแนวรับด้วยการเซ็นสัญญากับ ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ กองหลังทีมชาติอิตาลีจากโบโลญญ่า ด้วยค่าตัวที่อาจสูงถึง 42 ล้านปอนด์ จากนั้นจึงเพิ่ม มิเกล เมริโน่ กองกลางของเรอัล โซเซียดาด ซึ่งไม่ใช่นักเตะที่สร้างสรรค์เกมโดยธรรมชาติ ด้วยค่าตัว 32.6 ล้านปอนด์

ไค ฮาแวร์ตซ์ เคยเล่นในตำแหน่งกองหน้า แต่นั่นไม่ใช่บทบาทปกติของนักเตะ เขากลายมาเป็นตัวอย่างของความล้มเหลวของอาร์เซน่อล โดยพลาดโอกาสทองในการดวลกับ นิวคาสเซิ่ล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แข้งชาวเยอรมันยังยิงพลาดในช่วงดวลจุดโทษอีกด้วย โดยแข้งวัย 25 ปี มีโอกาสยิง 5 ครั้งในกรอบเขตโทษของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และสัมผัสบอล 11 ครั้ง 

และแย่ไปกว่านั้น กาเบรียล เฆซุส ซึ่งไม่ได้ทำประตูได้มากมายนัก แต่สามารถเล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติในตำแหน่งตรงกลางสนาม ได้รับบาดเจ็บจนต้องถูกหามออกจากสนาม เพิ่มจำนวนแข้งเจ็บต่อจาก บูกาโย่ ซาก้า และ อีธาน เอ็นวาเนรี่