อันโดนี่ อีราโอล่า เฮดโค้ชชาวสเปนิช ยังยึดผู้เล่นจากเกมล่าสุดในลีก เปิดบ้านถล่ม ฟอเรสต์ 5-0 ทำให้ไม่แพ้ในลีกมาแล้ว 11 เกม นำโดย ด็องโก้ วาตตาร่า ที่กดแฮตทริกในเกมดังกล่าว
อาร์เน่อ สล็อต กุนซือลิเวอร์พูล เปลี่ยนกลับมาใช้ตัวจริง ชุดเดียวกับ นัดเปิดบ้านถล่ม อิปสวิช 4-1 เมื่อสัปดาห์ก่อน หลังจากเปลี่ยน 9 ตำแหน่งในเกมบุกไปแพ้ พีเอสวี โดยเกมนี้ ดาร์วิน นูนเญซ และ ดีโอโก้ โชต้า มีชื่อนั่งสำรอง
ผลการจับสลาก UCL เพลย์ออฟน็อกเอาต์ แมนฯซิตี้ ชน มาดริด- เซลติก ชน บาเยิร์น
ผลการจับสลาก ยูโรป้า ลีก เพลย์ออฟน็อกเอาต์ ปอร์โต้ ชน โรม่า
นาทีที่ 13 เจ้าถิ่นมีโอกาสลุ้นก่อนแบบเน้นๆ จัสติน ไคลเวิร์ต ที่ฟอร์มกำลังดีได้บอลไปสุดเส้นก่อนยิงอัดใส่ อลีสซง เบ็คเกอร์ หวังเสียบเสาแรก แต่ อลีสซง เบ็คเกอร์ ยังเซฟเอาไว้ได้
นาทีที่ 17 โคดี้ กัคโป พาบอลตัดจากทางซ้าย เข้ามายิงด้วยขวาหน้าประตู แต่น้ำหนักไม่แรงพอบอลพุ่งตรง อลีสซง เบ็คเกอร์ รับกินสบายๆ
นาทีที่ 20 อ็องตวน เซเมนโย่ พาบอลโยกหนี เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ และ อิบราฮิมา โกนาเต้ ก่อน กดด้วยซ้าย บอลชนคานกระดอนออกมา โชคดี ลิเวอร์พูล ไม่เสียประตู
นาทีที่ 23 โคดี้ กัคโป จ่ายให้ โดมินิค โซบอลซ์ไล ที่เติมขึ้นมายิงด้วยขวาแต่ก็ยังไม่ผ่านมือ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า
นาทีที่ 27 ลูอิส คุ๊ก ไปทำฟาวล์ โคดี้ กัคโป หลังวิ่งไปขัดขา ผู้ตัดสินชี้ให้เป็นจุดโทษ และเป็น โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ รับหน้าที่สังหารเข้าไปในนาที 30 และเป็นประตูที่ 20 ในพรีเมียร์ลีกของ ศูนย์หน้าทีมชาติอิยิปต์ฤดูกาลนี้
นาทีที่ 37 บอร์นมัธ ยังไม่ได้ประตูตีเสมอ เมื่อ เดวิด บรู๊คส์ ยิงด้วยซ้ายเข้าไป แต่ทว่า มิลอส เคอร์เคซ คนจ่ายมาให้ถูก VAR จับล้ำหน้า
เวลาที่เหลือครึ่งแรก บอร์นมัธ พยายามหาช่องเจาะเพื่อเอาประตูตีเสมอ แต่ทำไม่สำเร็จ จบ 45 นาทีแรก ลิเวอร์พูล บุกมานำ 1-0
กลับมาครึ่งหลัง นาทีที่ 47 จัสติน ไคลเวิร์ต ได้ฮาล์ฟวอลเล่ย์ด้วยขวาแบบไม่จับ แต่โชคดีที่ลิเวอร์พูล ไม่เสียประตูเพราะไปตรง อิบราฮิมา โกนาเต้ ที่ยืนบล็อคอยู่พอดี
นาทีที่ 50 เจ้าถิ่นยังไม่ได้ประตูตีเสมอเมื่อ อลีสซง เบ็คเกอร์ ออกมาเร็ว ปิดมุมและบล็อกลูกยิงหัวเกือกของ อ็องตวน เซเมนโย่ เอาไว้ได้
นาทีที่ 60 อาร์เน่อ สล็อต ตัดสินใจเปลี่ยน เคอร์ติส โจนส์ ลงไปแทน อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่มีความเสี่ยงจะโดนใบเหลืองที่ 2
นาทีที่ 70 มาร์คัส ทราวาเนียร์ ตัวสำรอง ได้ยิงด้วยซ้ายบอลไปชนเสากระดอนมาเข้าทาง จัสติน ไคลเวิร์ต ได้ซัดจ่อๆ แต่ยิงหยุดกรอบพลาดได้ประตูตีเสมออย่างเหลือเชื่อ
นาทีที่ 75 โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ปั่นด้วยซ้ายอย่างเหนือชั้นบอลเข้าเสาสองเป็นประตูที่ 21 ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ และทำให้ลิเวอร์พูล ขยับหนีเป็น 2-0 และซาล่าห์ ยังขึ้นไปเป็นดาวซัลโว อันดับ 6 พรีเมียร์ลีกตลอดกาล ที่ 178 ประตู
นาทีที่ 83 อ็องตวน เซเมนโย่ ได้กดด้วยซ้าย แต่บอลหลุดกรอบ บอร์นมัธ ยังตีไข่แตกไม่ได้
ช่วงทดเวลาพิเศษ 5 ไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม ลิเวอร์พูล บุกมาชนะ 2-0 จากชัยชนะนัดนี้ทำให้ "หงส์แดง" มีเพิ่มเป็น 56 แต้มจาก 23 นัด นำเป็นจ่าฝูงต่อไป โดยแข่งเท่ากับ อาร์เซน่อล แต่มีแต้มมากกว่า 9 แต้ม โดยเกมต่อไปกลางสัปดาห์นี้ ลิเวอร์พูล จะกลับมาเล่นในบ้านพบ สเปอร์ส ในเกม คาราบาว คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 ส่วน บอร์นมัธ หยุดสถิติไม่แพ้ในพรีเมียร์ลีกติดต่อกันลงไว้ที่ 11 นัด มี 40 แต้ม จาก 24 นัด อยู่อันดับ 7 เกมต่อไป จะพบ เอฟเวอร์ตัน ในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 4
รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
บอร์นมัธ (4-2-3-1) : เกปา อาร์รีซาบาลาก้า - ลูอิส คุ๊ก, อิลลิยา ซาบาร์นี่, ดีน ฮุยเซ่น, มิลอส เคอร์เคซ - ไทเลอร์ อดัมส์, ไรอัน คริสตี้ - เดวิด บรู๊คส์, จัสติน ไคลเวิร์ต, อ็องตวน เซเมนโย่ - ด็องโก้ วาตตาร่า
ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : อลีสซง เบ็คเกอร์ - เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ , อิบราฮิมา โกนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ , ไรอัน กราเฟนแบร์ก - โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, โดมินิค โซบอลซ์ไล, โคดี้ กัคโป - หลุยส์ ดิอาซ