เรอัล มาดริด สโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก กำลังจะก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ที่สั่นสะเทือนรากฐานของสโมสรมานานกว่าศตวรรษ… ภายใต้การนำของประธานสโมสร ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ที่กำลังจะมีแผนการที่ถูกผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างความเป็นเจ้าของสโมสร เพื่อเปิดทางให้ นักลงทุนภายนอก สามารถเข้ามาซื้อหุ้นได้เป็นครั้งแรก
นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1902 เรอัล มาดริด ดำเนินกิจการภายใต้รูปแบบ 'โซซิโอส' (Socios) หรือสมาชิกสโมสร ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับ บาร์เซโลน่า, แอธเลติก บิลเบา และโอซาซูน่า โดยโมเดลนี้เน้นเรื่องประชาธิปไตยและการควบคุมโดยแฟนบอลอย่างแท้จริง
แม้ว่ามาดริดจะเป็นสโมสรแรกในโลกที่สร้างรายได้เกิน 1 พันล้านยูโร (ประมาณ 870 ล้านปอนด์) ในฤดูกาล 2023-24 แต่ประธานสโมสรอย่าง ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ก็ยังมองว่าโมเดลโซซิโอสนี้ "ถ่วงรั้ง" สโมสรไว้ในบางมุม เช่น
แรงกดดันจากตลาด : เปเรซกล่าวมาโดยตลอดว่า การเป็นเจ้าของโดยสมาชิกทำให้มาดริดไม่สามารถแข่งกับสโมสรคู่แข่งในตลาดซื้อขายนักเตะได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากคู่แข่งเหล่านั้นมีมหาเศรษฐีหนุนหลัง ซึ่งสามารถอัดฉีดเงินเข้าสู่สโมสรได้โดยตรง
โดยเปเรซได้ประกาศแนวคิดในการลงประชามติเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างนี้ตั้งแต่การประชุมสมัชชาประจำปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีการนำเสนอรายละเอียดเพิ่มเติมที่ชัดเจนขึ้นในการประชุมสมัชชาใหญ่ปี 2025 ซึ่งคาดว่าจะจัดขึ้นก่อนสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้
หนึ่งในแนวคิดที่มีการหารือกันภายในคือการ แบ่งเรอัล มาดริดออกเป็นสองส่วนหลัก :
ส่วนปฏิบัติการด้านฟุตบอล : ควบคุมการซื้อขายนักเตะ, การจ้างโค้ช, และกิจกรรมในสนาม ซึ่งจะยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของโซซิโอส
ส่วนปฏิบัติการด้านธุรกิจ : ครอบคลุมรายได้เชิงพาณิชย์, ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด, และรายได้จากสนามซานติอาโก เบร์นาเบว ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ซึ่งเป็นส่วนที่พร้อมเปิดให้นักลงทุนภายนอกเข้ามาซื้อหุ้นได้
ซึ่ง ภายใต้กฎหมายของลาลีกา สเปน เรอัล มาดริด เป็นหนึ่งในสี่สโมสรที่ได้รับข้อยกเว้นไม่ต้องเปลี่ยนสถานะเป็นบริษัทจำกัด (Sociedades Anónimas Deportivas: SAD) และยังคงใช้โมเดลประชาธิปไตย โดยสมาชิก (โซซิโอส) ราว 100,000 คน
จะลงคะแนนเพื่อเลือกประธานสโมสร และลงมติผ่านตัวแทน 'โซซิโอส คอมโปรมิซาริออส' (Socios Compromisarios) ประมาณ 2,000 คน ในการอนุมัติงบประมาณและกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของสโมสร
เปเรซได้เตรียมการมานานแล้วเพื่อสนับสนุนการลงทุนจากภายนอก โดยก่อนหน้านี้สโมสรได้ทำข้อตกลงสำคัญเพื่อเป็นเงินทุนในการปรับปรุงเบร์นาเบวครั้งใหญ่ อาทิ
Providence (ปี 2017 และ 2021): ได้รับเงินรวม 250 ล้านยูโร แลกกับการแบ่งส่วนรายได้จากสปอนเซอร์ในอนาคต
Sixth Street (ปี 2022): จัดหาเงินทุน 360 ล้านยูโร โดยแลกกับการเป็นพันธมิตรระยะ 20 ปี เพื่อดูแลรายได้ในส่วนของกิจกรรมในสนาม (ที่ไม่ใช่ตั๋วปี) ผ่านบริษัทร่วมทุน
การลงมติครั้งสำคัญที่จะเกิดขึ้นในการประชุมสมัชชาใหญ่ปี 2025 นี้ จึงไม่ใช่แค่การลงมติเพื่ออนุมัติงบประมาณเท่านั้น แต่เป็นการลงมติเพื่อกำหนดทิศทางอนาคตของสโมสรในระยะยาว
และเป็นการค้นหาจุดสมดุลระหว่างโลกของการเงินกับจิตศรัทธาของแฟนบอลชุดขาวที่เป็นวัฒนธรรมกันมาอย่างยาวนาน ไม่แน่ว่าหากมีเงินทุนเข้ามาเยอะกว่านี้…เรอัล มาดริดอาจมีขุมกำลังที่น่ากลัวกว่าเก่าก็เป็นได้