ก่อนเกมนัดชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยรักษาความปลอดภัย ตรึงกำลังหนาแน่น ทั้งรอบๆบริเวณสนามเวมบลีย์ ซึ่งใช้เป็นสนามแข่งขันในนัดนี้ รวมถึงตามสถานีรถไฟใกล้เคียง ดูแลความปลอดภัยเข้มงวด หลังเพิ่งเกิดเหตุระเบิดที่เมืองแมนเชสเตอร์เมื่อช่วงดึกของวันจันทร์ที่ผ่านมา ตามเวลาอังกฤษ
โดยเอฟเอคัพ รอบชิง เป็นศึกลอนดอนดาร์บี้ แมตช์ ระหว่าง อาร์เซน่อล กับ เชลซี เจ้าของคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ อาร์เซน่อล ดูเหมือนจะเสียเปรียบ เพราะแนวรับเจ็บหลายคน แต่กลายเป็นว่าพวกเขาขึ้นนำไปก่อนตั้งแต่เริ่มเกมได้ไม่ถึง 4 นาที จาก อเล็กซิส ซานเชซ โดยจังหวะนี้ ตอนแรกไลน์แมน ยกธงล้ำหน้า เพราะว่า อารอน แรมซีย์ ที่ล้ำอยู่และเหมือนจะวิ่งไปยิง แต่กลับปล่อยให้ อเล็กซิส สอดขึ้นมา ผู้ตัดสินต้องไปปรึกษากันก่อนให้เป็นประตู
จากนั้น อาร์เซน่อล เกือบจะได้ลูกที่ 2 หลายครั้ง แต่ก็ทำไม่สำเร็จ และในนาที 68 เชลซี ก็ต้องเหลือ 10 คน หลัง วิคตอร์ โมเซส พุ่งล้มในเขตโทษ ได้ใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดง ไล่ออกสนาม แต่นั่นกลับเป็นเหมือนแรงฮึดให้ เชลซี ยิ่งสู้ กระทั่งนาที 76 เชลซี ได้บุก วิลเลี่ยน ให้ ดิเอโก้ คอสต้า พักอก ก่อนตวัดยิงด้วยขวาเข้าไป ตีเสมอเป็น 1-1
แต่หลังจากได้ประตูแล้ว เหมือนผู้เล่น เชลซี จะเสียสมาธิ เพราะไม่ถึง 3 นาทีต่อมา โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ลากบอกไปถึงเส้นหลัง ก่อนจะเปิดกลับมาให้ อารอม แรมซีย์ โหม่งเข้าไปโล่งๆ อาร์เซน่อล นำอีกครั้ง 2-1
เวลาที่เหลือ ทั้ง 2 ทีมพยายามทำประตูเพิ่ม แต่ไม่สำเร็จ จบเกม อาร์เซน่อล เอาชนะ เชลซี 2-1 คว้าแชมป์เอฟเอคัพ สมัยที่ 13 มากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรอังกฤษ ที่ได้แชมป์รายการนี้ และ อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือของทีม ก็เป็นผู้จัดการคนแรกที่ได้แชมป์ เอฟเอคัพ มากถึง 7 สมัย
Adrian DENNIS / AFP