ฟีฟ่า จัดประกาศรางวัลรายการนี้ มาเป็นปีที่ 3 ซึ่ง 2 ครั้งแรก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คว้ารางวัลไปครอง ปีนี้ ดาวเตะทีมชาติโปรตุเกส ยังคงนำทัพติดโผเข้าชิง พร้อมกับ ลีโอเนล เมสซี่ , เอเด็น อาซาร์ , เควิน เดอบรอยน์ , คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ ,โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ , แฮรี่ เคน , ลูก้า โมดริช และ ราฟาเอล วาราน ที่เซอร์ไพรส์ คือไม่มีชื่อของ เนย์มาร์ ติดมาด้วย
ขณะที่รางวัลกุนซือยอดเยี่ยม ปีนี้เข้าชิง 11 คน นำทีมโดยมาโดย แกเร็ธ เซาธ์เกต ที่เพิ่งพาทีมชาติอังกฤษเข้าตัดเชือกฟุตบอลโลกในรอบ 28 ปี , ดิดิเยร์ เดส์ช็องส์ กุนซือทีมชาติฝรั่งเศสกับผลงานพาทีมคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือแมนฯซิตี้ ,เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือลิเวอร์พูล , ซีเนดีน ซีดาน อดีตกุนซือเรอัล มาดริด ที่พาทีมคว้าแชมเปี้ยนส์ลีก 3 สมัยติด ก่อนแยกทางกับสโมสร ส่วนรายชื่อที่น่าจับตามอง มี สตานิสลาฟ เชอร์เชชอฟ กุนซือทีมชาติรัสเซีย ที่พาชาติเจ้าภาพเข้ารอบ 8ทีมสุดท้าย ในรอบ48 ปี และ ซลัตโก ดาลิช กุนซือโครเอเชียที่พาทีมเข้าชิงครั้งแรกและจบด้วยรองแชมป์
เกณฑ์การให้คะแนนในปีนี้จะมาจากการโหวตของกุนซือ,กัปตันทีมชาติ,แฟนบอลและผู้สื่อข่าว โดยจะมีการประกาศรางวัลในงานฟีฟ่า อวอร์ด ที่ลอนดอน ในวันที่ 24 ก.ย.นี้