พาชมหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของกัมพูชา “วัดพนม” สถานที่ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นจุดเริ่มต้นของเมืองหลวงอย่างกรุงพนมเปญ
“กัมพูชา” เป็นประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนของเราที่กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว มีความพยายามในการดึงดูดผู้มาเยือน ทั้งนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ
กัมพูชายังมีกฎหมายที่มุ่งอนุรักษ์สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ รวมถึงกำหนดไม่ให้มีการสร้างอาคารสูงใกล้สถานที่ท่องเที่ยว ทำให้ได้เห็นทัศนียภาพที่สวยงาม กัมพูชาจึงกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยที่ถือว่าเดินทางไปได้ง่าย หรือชาวตะวันตกที่ต้องการชมเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของเอเชียอาคเนย์
สำหรับใครที่สนใจไปเที่ยวกัมพูชา หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่จะมาแนะนำในวันนี้ เพราะมีความสำคัญทั้งในเชิงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และศิลปะ คือ “วัดพนม” (Wat Phnom)
วัดพนมตั้งอยู่บนเนินเขาเพียงแห่งเดียวในกรุงพนมเปญ เมืองหลวงของประเทศ และยังเป็นต้นกำเนิดของตำนานการสร้างกรุงพนมเปญ เดิมทีวัดแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป 4 องค์ที่พบในต้นไม้ที่ลอยอยู่ในแม่น้ำใกล้เคียง
ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 1915 เศรษฐินีม่ายชื่อ “เปญ” หรือที่เรียกกันว่า ยายเปญ ได้พบต้นไม้ที่ล้มโค่นลงมาแล้วลอยอยู่ในแม่น้ำใกล้บ้านของเธอ ข้างในต้นไม้นั้นเธอพบพระพุทธรูป 4 องค์ ทำจากสำริดและทองเหลือง และมีองค์หนึ่งทำจากหินอ่อน และยังพบเทวรูปพระวิษณุ (พระนารายณ์) อีก 1 องค์
เปญและเพื่อนบ้านของเธอได้เก็บกู้พระพุทธรูปและเทวรูปขึ้นมา และสร้างวิหารไม้ขนาดเล็กบนเนินเขาใกล้บ้านของเธอเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและเทวรูป จากนั้นนิมนต์พระสงฆ์มาทำและตั้งชื่อวิหารนั้นว่า “วัดพนม”
ขณะเดียวกัน คนในท้องถิ่นยังเรียกเนินเขาเล็ก ๆ ที่วัดพนมตั้งอยู่นี้ว่า เนินเขาเปญ หรือ “พนมเปญ” (พนม แปลว่า เนินเขา ในภาษากัมพูชา) เพื่อเป็นเกียรติแก่ยายเปญ
ต่อมาในปี พ.ศ. 1939 เกิดอุทกภัยใหญ่ในนครธม ราชธานีของอาณาจักรขอม พระบรมราชา (เจ้าพระยาญาติ) หรือพระบาทศรีสุริโยพันธุ์ที่ 3 กษัตริย์องค์สุดท้ายของอาณาจักรขอม จึงเสด็จมายังบริเวณพนมเปญ
พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาเดโช สร้างวังและเมืองขึ้นใหม่ในบริเวณใกล้กับวัดพนมในปัจจุบัน เจ้าพระยาเดโชสั่งให้คนไปขุดดินจากบริเวณที่เป็นที่ตั้งตลาดกลางในปัจจุบัน หลุมดังกล่าวทำให้เกิด “บึงเดโช” รวมถึงมีรับสั่งให้เพิ่มขนาดของเนินเขาวัดพนมและสร้างวิหารไม้บนยอดเนินเพิ่ม
ในปี พ.ศ. 1959 หลังจากสร้างวังและเมืองเสร็จแล้ว พระองค์ทรงตั้งชื่อเมืองแห่งนี้ว่า “จักรโตมุขมงคลสกลกัมพูชาธิบดีฯ” และในปี พ.ศ. 1974 เมื่อนครธมถูกอาณาจักรอยุธยาตีแตก ถือเป็นการสิ้นสุดยุคอาณาจักรขอม เจ้าพระยาญาติได้ทรงย้ายราชธานีจากนครธมมายังจักรโตมุข (พนมเปญ) และเข้าสู่ยุค “จักรโตมุข” (Chaktomuk Period)
เมืองจักรโตมุขหรือพนมเปญเป็นราชธานีจนถึงช่วง พ.ศ. 2040 เพราะหลังจากนั้นมีการเปลี่ยนราชธานีบ่อยครั้งจากปัญหาการศึกภายในเพื่อชิงราชบัลลังก์ กระทั่งกว่า 360 ปีถัดมา ในปี พ.ศ. 2409 สมเด็จพระนโรดมที่ 1 ได้มีการย้ายเมืองหลวงกลับมาที่พนมเปญอีกครั้งจนถึงปัจจุบัน
นั่นทำให้วัดพนมมีความสำคัญในฐานะต้นกำเนิดของกรุงพนมเปญ รวมถึงมีการสร้างสถูปเพื่อประดิษฐานพระอัฐิของเจ้าพระยาญาติและบรมวงศานุวงศ์ด้วย กลายเป็นโบราณสถานอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติกัมพูชา ที่หากใครจะมาท่องเที่ยวกัมพูชาก็ต้องมาที่วัดนี้ มิฉะนั้นจะถือว่ามาไม่ถึง
วัดพนมได้รับการบูรณะหลายครั้งเพื่อให้เหมาะสมกับอุดมการณ์ของผู้ปกครองในยุคต่าง ๆ มีการฉาบผนังและทาสีหลายครั้ง ปัจจุบัน วัดพนมเป็นการผสมผสานรูปแบบและโครงสร้างจากประวัติศาสตร์กว่า 600 ปี รวมถึงสวนที่สร้างโดยชาวฝรั่งเศสในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และศาลเจ้าที่แสดงถึงความเชื่อในลัทธิเต๋า ขงจื๊อ และฮินดู
สำหรับการเที่ยววัดพนม เมื่อมาถึงจะเห็นทางเข้าหลักที่ยิ่งใหญ่ เป็นขั้นบันไดที่นำไปสู่วิหารหลัก มีสิงโตและพญานาคคอยคุ้มกันทางขึ้น ภายในวัดมีพระพุทธรูปสำริดองค์ใหญ่ตั้งอยู่ ผนังปิดด้วยภาพวาดที่บอกเล่าเรื่องราวของพระองค์ และภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เล่าถึงเรื่องรามเกียรติ์ฉบับภาษาเขมร
รอบวัดจะพบศาลคล้ายศาลพระภูมิกระจายอยู่ทั่ว เพื่อสะท้อนความเชื่อเรื่องการกราบไหว้เจ้าที่เจ้าทาง ด้านข้างวิหารมีศาลเจ้าของยายเปญ ซึ่งมักจะมีผู้นำอาหารและผลไม้มาสักการะบูชาเสมอ ว่ากันว่า สามารถขอเรื่องความร่ำรวยกับโชคลาภจากยายเปญได้ แต่อาจไม่แนะนำให้ขอเรื่องความรัก เพราะตามตำนาน ยายเปญเป็นหญิงม่าย
นักวิจารณ์ตั้งคำถามถึงความชอบธรรมของการเลือกตั้งกัมพูชา
“กัมพูชายังมีพื้นที่ให้เติบโต” โอกาสของธุรกิจวิทยุการบิน “สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์”
“ฮุน เซน” ยกบทเรียนกัมพูชา เตือนยูเครนอย่าใช้คลัสเตอร์บอมบ์
อีกหนึ่งไฮไลต์เด็กของวัดพนม คือ “นาฬิกาดอกไม้” กว้างกว่า 200 ฟุต ซึ่งเดิมเป็นของขวัญจากฝรั่งเศสในช่วงทศวรรษที่ 1960 แต่ถูกแทนที่ในปี 2000 ด้วยรุ่นใหม่ที่จีนมอบให้เป็นของขวัญ เป็นนาฟิกาบนสวนที่เดินได้จริง และเดินตรงเวลาด้วย
สำหรับใครที่เคยมาเยือนกัมพูชาในอดีต ถึงวันนี้อาจพบว่าเพื่อนบ้านของเราเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วแค่ไหนในเวลาที่ผ่านมา แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาความรุ่มรวยทางประวัติศาสตร์เอาไว้ได้
โดยวัดพนมเหมาะเป็นจุดตั้งต้นการท่องเที่ยวในกัมพูชาที่น่าสนใจ เพราะสามารถเดินทางต่อไปยังพระราชวัง พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ตลาดกลาง และสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ได้ง่าย
ดังนั้น หากใครมีวันว่างสั้น ๆ และต้องการเที่ยวต่างประเทศใกล้ ๆ กัมพูชาถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย สกุลเงินที่ใช้คือดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสกุลที่หลายคนอาจเคยแลกทิ้งไว้ ทำให้สะดวกในการใช้จ่ายพอสมควร แต่ข้อควรระวังคือ จะได้รับเงินทอนเป็นสกุล “เรียล” ซึ่งไม่สามารถแลกกลับมาเป็นเงินบาทได้
ภาพบางส่วนจาก AFP