เดินทางต่างแดน พาไปสัมผัสอารยธรรมจีนโบราณ "หยุ่นเฉิน-ลั่วหยาง-ซีอาน" ย้อนรอยตำนานแดนมังกร
จีนไม่ได้มีแค่กำแพงเมือง แต่ยังมีกำแพงแห่งความทรงจำในใจของนักเดินทาง เตรียมกระเป๋าให้พร้อม แล้วเดินทางสู่ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมในจีน อย่าง หยุ่นเฉิน (Yuncheng) , ลั่วหยาง (Luoyang) และ ซีอาน (Xi’an) เป็นเสมือนการเปิดประตูสู่ความรุ่งเรืองของอารยธรรมจีนโบราณ
ทั้ง 3 เมืองนี้ เต็มไปด้วยเรื่องราวในอดีตที่สะท้อนผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ สถาปัตยกรรมโบราณ

หรือมรดกโลกที่ทรงคุณค่า ผู้มาเยือนจะได้สัมผัสทั้งความงดงามและเสน่ห์ของวัฒนธรรมจีนอย่างแท้จริง
‘ถ้ำผาหลงเหมิน’
‘ถ้ำผาหลงเหมิน’ หลงเหมินคูสือ หรือถ้ำหินประตูมังกร ตั้งอยู่ที่เมืองลั่วหยาง มณฑลเหอหนาน แต่เดิมในอดีตกาลลั่วหยางคือ หนึ่งในสี่นครหลวงที่ยิ่งใหญ่ของจีน มีราชวงศ์ต่าง ๆ ผลัดกันขึ้นปกครองกว่า 10 ราชวงศ์ ในด้านของทำเล ฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกเป็นภูเขา โดยมีแม่น้ำอี๋สุ่ยไหลผ่านตรงกลาง มองดูเหมือนประตูที่มีมังกรโลดแล่นขนาบอยู่ จึงได้ชื่อว่า ‘หลงเหมิน’ ซึ่งมีความหมายว่า ‘ประตูมังกร’

ถ้ำผาหลงเหมินมีความยาวจากทิศเหนือถึงใต้ประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งจัดเป็น 1 ใน 3 แหล่งประติมากรรมโบราณที่มีชื่อเสียงที่สุดในจีน ปัจจุบันยังคงหลงเหลือถ้ำผาแกะสลักอยู่จำนวน 2,100 คูหา โพรงแท่นบูชา 2,345 ช่อง ศิลาจารึกสลักอักษรจีนและหมายเหตุบันทึกต่าง ๆ อีก 3,600 หลัก รวมถึงพุทธเจดีย์ 50 แห่ง พระพุทธรูปสลักมากกว่า 100,000 องค์ องค์ใหญ่สูงสุดคือ 17 เมตร และองค์เล็กสุดสูงเพียงแค่ 2 เซนติเมตร ด้วยอายุของถ้ำราว 1,500 ปี ซึ่งเริ่มก่อสร้างในสมัยราชวงศ์เว่ยเหนือ ค.ศ.494 ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง บูรณะ และต่อเติมยาวนานถึง 400 ปีจนถึงยุคราชวงศ์ถังและซ่ง

ถ้ำผาหลงเหมินถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 24 เมื่อปี พ.ศ. 2543 โดยมีจุดที่เป็นไฮไลต์สำคัญหลายบริเวณ ได้แก่
1. ถ้ำปิงหยัง มีไฮไลต์คือพระพุทธรูปใบหน้าวงรีเป็นรูปไข่ และรูปร่างที่สูงเพรียว โดยที่ถ้ำแห่งนี้ได้แกะสลักรูปฮ่องเต้เสี้ยวเหวินตี้และไทเฮากำลังประกอบพิธีทางศาสนาอยู่
2. ถ้ำพระพุทธรูปหมื่นองค์ ถ้ำแห่งนี้มีพระประธานประทับอยู่บนดอกบัว ล้อมรอบด้วยสาวกมากมายทั้งบนผนังและเพดานถ้ำกว่า 15,000 องค์ พระพุทธรูปบางองค์ที่นี่ถูกนักท่องเที่ยวสัมผัสลูบคลำด้วยความศรัทธาจนดำเลื่อม ส่วนที่น่าอัศจรรย์ก็คือพระพุทธรูปองค์เล็กขนาดประมาณนิ้วมือที่มีจำนวนมากที่สุดในวัดถ้ำแห่งนี้
3. ถ้ำดอกบัว มีความพิเศษคือ บนเพดานถ้ำมีการแกะสลักดอกบัวขนาดใหญ่หนึ่งในสัญลักษณ์แห่งศาสนาพุทธไว้เหนือองค์พระประธาน ที่ดูแล้วงดงามแปลกตาเป็นอย่างยิ่ง
ถ้ำผาหลงเหมินยังมีอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญต้องห้ามพลาดสำหรับผู้มาเยือนนั่นก็คือ‘อารามเฟิ่งเซียน’ ซึ่งตั้งอยู่บนผาสูง 40 เมตร มีพระพุทธรูปองค์ประธานนามว่า ‘พระโพธิสัตว์ไวโรจนะ’ สูง 17.14 เมตร ความโดดเด่นอยู่ที่ดวงตาที่ดูเหมือนไม่ว่าจะยืนอยู่ตรงไหนดวงตานั้นก็ยังคงมองเห็นอยู่ ซึ่งพระประธานองค์นี้เชื่อว่าแกะสลักเป็นรูปพระพักตร์ของ ‘พระนางบูเช็กเทียน’ จักรพรรดินี (ฮ่องเต้หญิง) องค์แรกและองค์เดียวที่ได้รับการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์จีน ขณะเดียวกันในด้านของงานแกะสลักในถ้ำแห่งนี้มีการดำเนินมาเป็นเวลา 150 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบทางศิลปะ รูปแบบประติมากรรมที่ค้นพบในถ้ำพุทธของราชวงศ์ถังในศตวรรษที่ 7 และ 8 โดยเฉพาะประติมากรรมขนาดยักษ์ในถ้ำเฟิงเซียนซี ถือเป็นตัวอย่างผลงานศิลปะของวัดถ้ำหลวงที่สะท้อนถึงศิลปะได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
ซึ่งศิลปินจากภูมิภาคต่าง ๆ ก็ได้ลอกเลียนแบบมา รูปแบบศิลปะประติมากรรม 2 รูปแบบ ได้แก่ “รูปแบบจีนกลาง” ในยุคก่อน และ “รูปแบบจีนใหญ่” ในยุคหลัง มีอิทธิพลอย่างมากทั้งในประเทศและทั่วโลก และมีส่วนสนับสนุนอย่างสำคัญต่อการพัฒนาศิลปะประติมากรรมในประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย

ประติมากรรมของถ้ำหลงเหมินเป็นการแสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์ทางศิลปะของมนุษย์ได้อย่างโดดเด่น โดยแสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์แบบของรูปแบบศิลปะที่ได้รับการยอมรับมายาวนาน ซึ่งมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาวัฒนธรรมในภูมิภาคนี้ของเอเชีย และระดับวัฒนธรรมที่สูง รวมถึงสังคมที่เจริญก้าวหน้าของจีนในสมัยราชวงศ์ถังนั้นสามารถสรุปได้ในงานแกะสลักหินอันยอดเยี่ยมของถ้ำหลงเหมิน
เมืองโบราณลั่วอี้
‘เมืองโบราณลั่วอี้’ เมืองโบราณลั่วอี้ ตั้งอยู่ในเมืองลั่วหยางของจีน เป็นหนึ่งในเมืองเก่าแก่ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ โดยเมืองแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรจีนในยุคโบราณ และเป็นราชธานีของ 13 ราชวงศ์สำคัญ และยังได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมที่สะท้อนความเจริญรุ่งเรืองของอารยธรรมจีนในอดีต ซึ่งเมืองโบราณลั่วอี้ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการอนุรักษ์และฟื้นฟูมรดกทางวัฒนธรรม
โดยมุ่งเน้นการรักษาคุณค่าเดิมพร้อมกับการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ ทำให้เมืองนี้ได้รับความสนใจจากทั้งนักประวัติศาสตร์ นักวิชาการ และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

หนึ่งในเสน่ห์สำคัญของเมืองโบราณลั่วอี้ คือ การผสมผสานระหว่างความงดงามของสถาปัตยกรรมโบราณและเทคโนโลยีสมัยใหม่ อาคารเก่าแก่ภายในเมืองได้รับการบูรณะและปรับปรุงอย่างพิถีพิถันเพื่อคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ พร้อมทั้งเสริมความสะดวกสบายให้เข้ากับยุคปัจจุบัน เช่น การติดตั้งระบบแสงไฟส่องสว่างเพื่อเพิ่มความงดงามในยามค่ำคืน
เมืองโบราณลั่วอี้ ยังมีการจัดสรรพื้นที่ให้เหมาะสมกับวิถีชีวิตสมัยใหม่ โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโซนร้านอาหารที่นำเสนออาหารท้องถิ่นรสเลิศ โซนที่พักที่ออกแบบอย่างร่วมสมัย และโซนสถานที่ทำงานที่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินชมวิวเมืองได้จากมุมสูง ซึ่งเป็นการผสานความงดงามของธรรมชาติและสถาปัตยกรรมได้อย่างลงตัว

นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมย่านเมืองเก่า สำรวจถนนสายประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยร้านค้าและโรงน้ำชาสไตล์โบราณ รวมถึงเลือกซื้อสินค้าหัตถกรรมที่สะท้อนวัฒนธรรมจีนดั้งเดิม เช่น ผ้าไหม เครื่องปั้นดินเผา และภาพวาดพู่กันจีน ในขณะเดียวกัน ยังมีกิจกรรมเชิงวัฒนธรรม เช่น การแสดงดนตรีโบราณ และการละเล่นพื้นเมืองที่ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในวัฒนธรรมของพื้นที่

สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เมืองโบราณลั่วอี้ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาด ด้วยความงดงามที่ผสมผสานอดีตและปัจจุบันไว้อย่างลงตัว พร้อมมอบประสบการณ์อันน่าประทับใจในทุกย่างก้าว
หัวซาน - เมืองซีอาน
‘หัวซาน – เมืองซีอาน’ เมืองซีอานในมณฑลส่านซี เป็นหนึ่งในเมืองสำคัญทางประวัติศาสตร์ของจีน ด้วยชื่อเสียงของการเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์จีนกว่า 13 ราชวงศ์ รวมทั้งราชวงศ์โจว ฉิน ฮั่น และถัง ซีอานยังเป็นศูนย์กลางของเส้นทางสายไหมโบราณที่มีบทบาทสำคัญต่อการค้าและวัฒนธรรมในอดีต เมืองนี้มีอายุยาวนานกว่า 3,100 ปี และยังคงเสน่ห์ของความรุ่งเรืองผ่านโบราณสถานและแหล่งท่องเที่ยวมากมาย
หนึ่งในไฮไลต์ คือ หัวซาน (Mount Hua) ภูเขาชื่อดังที่ห่างจากซีอานประมาณ 120 กิโลเมตร ขึ้นชื่อเรื่องเส้นทางเดินเขาที่ท้าทายและวิวธรรมชาติที่งดงาม สามารถเดินทางจากซีอานด้วยรถไฟความเร็วสูงภายใน 30 นาที หรือรถบัสใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หัวซานเป็นที่นิยมสำหรับผู้ชื่นชอบการผจญภัย โดยเฉพาะเส้นทาง “Plank Walk” ที่เป็นทางเดินไม้เล็ก ๆ เจาะติดกับหน้าผา นับเป็นเส้นทางปีนเขาที่อันตรายที่สุดในโลก
ป้อมปราการซีอาน
‘ป้อมปราการชีอาน’ ป้อมปราการซีอาน หรือกำแพงเมืองซีอาน เป็นกำแพงโบราณที่เก่าแก่และได้รับการดูแลรักษาไว้อย่างดีที่สุดในประเทศจีน ถือเป็นหนึ่งในโบราณสถานสำคัญของจีนที่สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่และความชาญฉลาดด้านการป้องกันเมืองในอดีต กำแพงนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง พร้อมระบบป้องกันที่ซับซ้อน เพื่อกันการรุกรานจากศัตรู ประกอบไปด้วยความสูงและความหนา มีความยาวรอบเมืองประมาณ 14 กิโลเมตร และครอบคลุมพื้นที่ราว 14 ตารางกิโลเมตร ซึ่งช่วยให้เมืองซีอานสามารถรักษาความปลอดภัยของประชาชนและทรัพย์สินไว้ได้ตลอดหลายศตวรรษ การออกแบบนี้สะท้อนถึงแนวคิดด้านสถาปัตยกรรมที่เชื่อมโยงกับความมั่นคงและสังคมคติ “ความสมบูรณ์ของสถาปัตยกรรมเชิงเทินของระบบสังคมศักดินา”

ปัจจุบัน กำแพงเมืองซีอาน กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ให้ได้มาเยือนและสัมผัสกับความอลังการของกำแพงโบราณ ทั้งยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจให้ทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินเล่นหรือปั่นจักรยานบนกำแพงเพื่อชมวิวเมืองซีอานจากมุมสูง

พร้อมเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และการออกแบบเชิงยุทธศาสตร์ของป้อมปราการ รวมถึงนักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่ผสมผสานระหว่างความเก่าแก่และความทันสมัยของเมืองซีอานได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ กำแพงเมืองซีอาน ยังได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยอยู่ในบัญชีรายชื่อมรดกโลกเบื้องต้นขององค์การยูเนสโก และถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศจีน

หากได้มาเยือนเมืองซีอาน ทั้งหัวซาน และป้อมปราการซีอานต่างเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด เพราะนอกจากจะได้สัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติและสถาปัตยกรรมอันวิจิตรแล้ว ยังเป็นโอกาสที่จะดื่มด่ำไปกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันลึกซึ้ง ที่หลอมรวมวัฒนธรรมและความเป็นมาของแผ่นดินจีนไว้อย่างสมบูรณ์ เมืองซีอานจึงไม่เพียงแต่เป็นจุดหมายแห่งการท่องเที่ยว แต่ยังเป็นสถานที่ที่เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่ตราตรึงใจผู้มาเยือนในทุกมิติ คุณสามารถติดตามประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบนี้ได้ใน www.pptvhd36.com