สภาธุรกิจไทย-เมียนมา เตือนอย่าตื่นตระหนก
นักลงทุนภาคเอกชนไทย ทั้งรายใหญ่ และรายย่อยจำนวนมาก กังวลต่อสถานการณ์รัฐประหารในเมียนมา อาจฉุดเศรษฐกิจไทยลงไปด้วย เนื่องจากเมียนมาคู่ค้าที่สำคัญของไทย ที่สร้างมูลค่าการค้ากว่า 60,000 ล้านบาทต่อปี แต่ประธานสภาธุรกิจไทย-เมียนมา ออกมาเตือน นักลงทุนอย่าตื่นตระหนก อยากให้ติดตามดูนโยบายของรัฐบาลเมียนมาชุดใหม่อย่างใกล้ชิด
สำรวจการค้าไทย-เมียนมาเปิดด่านชายแดน กลับเข้าสู่ปกติ
จังหวะเป๊ะ! คลิปสาวเมียนมากำลังแอโรบิคตอนเช้า ขณะเจ้าหน้าที่ก่อการรัฐประหาร
นายกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์ ประธานสภาธุรกิจไทย-เมียนมา เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าเมื่อวานนี้ ( 1 ก.พ.64) นักลงทุนภาคเอกชนชาวไทย ทั้งรายใหญ่ และรายย่อยจำนวนมาก ต่างแตกตื่นกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และค่อนข้างมีความกังวล เนื่องจากหลายฝ่ายประเมินว่าเศรษฐกิจของเมียนมาอาจหยุดชะงักลงทันที และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย เพราะปัจจุบันบริษัทไทยเข้าไปลงทุนในเมียนมาเป็นจำนวนมาก นับเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทย โดยมีมูลค่าการค้าประมาณ 60,000 ล้านบาทต่อปี
นายกริช กล่าวว่า หากพูดถึงประเทศที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ และต้องมีความกังวลต่อสถานการณ์มากที่สุด คือ จีน เนื่องจากมีการลงทุนในประเทศเมียนมามากที่สุด รองลงมาคือ ญี่ปุ่น และประเทศไทยตามลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นนโยบายของรัฐบาลเมียนมาชุดใหม่ ที่จะต้องรอความคืบหน้าว่าจะมีการประกาศออกมาอย่างไร หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายในประเทศ หรือมีการดำเนินการสอดคล้องกับนโยบายเดิม ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากนัก
แต่หากมีการยกเลิกการลงนามความร่วมมือ (MOU) ที่เพิ่งลงนามไปกับจีน ญี่ปุ่น และไทย ทางด้านการค้า และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ดำเนินการไปแล้วก่อนหน้านี้ อาจส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง แต่ขณะนี้นายกริช เน้นย้ำ ยังไม่อยากให้นักลงทุนไทย กังวลใจ หรือแตกตื่นกับสถานการณ์ดังกล่าว เพราะ ยังไม่มีความแน่ชัดของนโยบายในประเทศเมียนมา และขอให้นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์ต่อไปอย่างใกล้ชิด
ส่วนประเด็นเรื่องความกังวลที่มีต่อสถานกาณ์แรงงานอาจลักลอบเข้าประเทศไทยแบบผิดฎหมายเพิ่มมากขึ้น นายกริช กล่าวเสริมว่า ในความคิดเห็นส่วนตัว ปัจจัยที่จะทำให้แรงงานเมียนมา เข้ามาทำงานในประเทศไทย ต้องเกิดจากปัญหาหลักๆคือ เศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ภายในประเทศไม่ดี การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงขึ้นและยังไม่มีวัคซีนป้องกัน
ส่วนสถานการณ์การปฏิวัติ เปลี่ยนแปลงอำนาจการปกครองภายในประเทศเมียนมานั้น ยังไม่สามารถสร้างแรงจูงใจให้แรงงานเมียนมาเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศเมียนมา มีทิศทางที่ดีขึ้นด้วย แต่ทั้งนี้ หากต่างชาติมีความกังวลมาก จนเกิดเหตุการณ์ถอนการลงทุนในเมียนมา โอกาสที่แรงงานจะกลับเข้าสู่ไทยก็มีสูงขึ้น
สหประชาชาติ ประณามรัฐประหารในเมียนมา