"ยิ่งใช้ ยิ่งได้ " กระตุ้นกำลังซื้อคนไทยกระเป๋าหนัก
หนึ่งในมาตรการเยียวยารอบใหม่คือโครงการ “ยิ่งใช้ ยิ่งได้” เป้าหมายคนไทยที่มีกำลังซื้อสูง 4 ล้านคน ช่วยช้อปกระตุ้นเศรษฐกิจใช้จ่ายวันละ 5,000 -7,000 บาท
โควิด-19 ระลอกใหม่มา มาตรการเยียวยารอบใหม่ก็ออกมาตาม ล่าสุดจาก ครม. เมื่อวันที่ 5 พ.ค. มีตั้งแต่ต่อมาตรการเก่าและมาตรการใหม่ ภายใต้วงเงิน 235,500 ล้านบาท
อัปเดต "เราชนะ" กำหนดการ เงื่อนไข เช็กสิทธิ รับเงินเยียวยาโควิด เพิ่ม 2,000 บาท 32.9 ล้านคน
เช็กสิทธิ 8 โครงการ 7 มาตรการเยียวยาโควิด ลด แลก แจก 1,200-7,000 ให้สินเชื่อปลอดดอก พักหนี้
แต่ที่จะมาพูดถึงคือ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” วัตถุประสงค์ของโครงการนี้ เพื่อกระตุ้นการบยริโภคในประเทศเน้นไปที่ผู้มีกำลังซื้อสูงให้นำเงินออกมาใช้จ่าย สนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) โดยร้านค้าจะรับเงินผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน”
เน้นคนไทยกำลังซื้อสูง 4 ล้านคนออกมาช้อป
ส่วนประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ ยิ่งใช้ ยิ่งได้ ในทางปฏิบัติคือรัฐบาลจะให้บัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ E -Voucher เมื่อชำระเงินผ่าน g-Wallet บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ซึ่งให้สิทธิบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ E -Voucher ตั้งแต่ 5,000 ต่อวัน และไม่เกิน 7,000 บาท เป้าหมายมาตรการนี้ 4 ล้านคน
โดยสามารถซื้อได้ทั้งสินค้าที่เป็น อาหาร เครื่องดื่ม เสื้อผ้า บริการ ในร้านที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อย่างที่กล่าวไป
แจกก่อนแล้วใช้ได้ช่วงปลายปี
คาดว่า E -Voucher โครงการนี้จะได้รับช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย. และจะได้ใช้ช่วง ส.ค.-ธ.ค. 64
เม็ดเงินกระตุ้นรอบนี้อาจจะยังน้อยไป
ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวถึงมาตรการเยียวยารอบนี้ว่าจะมีผลอยู่ในช่วงไตรมาส 2 ประมาณกว่า 1 แสนล้านบาท ที่มาจากโครงการเราชนะ, เรารักกัน, มาตรการช่วยเหลือค่าน้ำ-ค่าไฟ และมาตรการสินเชื่อต่างๆ
มองว่า เม็ดเงินดังกล่าวยังน้อยเกินไปสำหรับการลงไปช่วยระบบเศรษฐกิจในไตรมาส 2 นี้ที่ประเมินว่าความเสียหายจะมีมากถึง 3-4.5 แสนล้านบาท ดังนั้นจึงไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากนัก ดังนั้นจึงทำให้เศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 มีโอกาสจะเติบโตได้เพียง 3-5% จากเดิมที่เคยคาดไว้ว่าจะเติบโตได้ 8-9%