พ.ร.ก.กู้เงินฉบับใหม่ผ่าน ครม. กู้เพิ่มช่วยโควิดอีก 7 แสนล้านบาท
มีรายงานข่าวว่าในที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบ พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่ม 7 แสนล้านบาท เพิ่มเติมจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาทก่อนหน้า เพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิด19
ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (18 พ.ค.) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ได้เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอออก พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติมอีก 700,000 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
เช็กสิทธิ "เราชนะ" ตรวจสอบแอปฯเป๋าตัง รับเงินเยียวยาเพิ่มงวดแรก เงินเข้า 20 - 21 พ.ค.
โดยเป็นการกู้เงินเพิ่มเติมจากที่เคยออก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ในปีที่ผ่านมา
ครม.เห็นชอบลดเงินสมทบเหลือร้อยละ 2.5 เป็นเวลา 3 เดือน
เบื้องต้น คาดว่า วงเงินดังกล่าวจะนำมาใช้ สำหรับ 3 ด้าน คือ
1.ให้กระทรวงสาธารณสุข วงเงิน 30,000 ล้านบาท นำไปใช้จ่ายเกี่ยวกับการจัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ยารักษาโรค วัคซีน ปรับปรุงสถานพยาบาลและการวิจัยพัฒนาวัคซีนภายในประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดระลอกใหม่
2.ให้คลัง วงเงิน 400,000 ล้านบาท นำไปใช้ช่วยเหลือ เยียวยา หรือชดเชยให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ
และ 3.ให้คลังนำไปใช้ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมวงเงิน 270,000 ล้านบาท เพื่อรักษาระดับการจ้างงาน กระตุ้นการลงทุน และการบริโภคในประเทศ
ซึ่งในส่วนของ พ.ร.ก. กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ก่อนหน้านี้ นายวันฉัตร สุวรรณกิตติ รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติ ในฐานะโฆษกสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพิ่งจะอออกมาระบุว่าปัจจุบันการดำเนินการของแผนงาน/ โครงการภายใต้ พ.ร.ก. เงินกู้โควิด-19 มีการอนุมัติวงเงินแล้วทั้งสิ้น 833,475 ล้านบาท โดยยังมีวงเงินคงเหลืออีก 166,525 ล้านบาท (ที่มา : สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ, สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, GFMIS ณ วันที่ 11 พฤษภาคม 2564)
นอกจากนี้ ยังมีงบประมาณจากงบกลาง ในส่วนของเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินและจำเป็น ภายใต้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 วงเงิน 99,000 ล้านบาท ซึ่งยังมีวงเงินคงเหลือ 98,213.9 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 วงเงิน 40,325.6 ล้านบาท ซึ่งยังมีวงเงินคงเหลือ 37,108.2 ล้านบาท