เรียกร้องอธิบดีปศุสัตว์ลาออก รับผิดชอบโรค ASF

นายพัฒนพงษ์ การุณยศิริ หรือเฮียบุ๊ง เจ้าของฟาร์มหมูรายใหญ่ จังหวัดสิงห์บุรี เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ที่ผ่านมาเคยบอกแล้วว่าเกิดโรคระบาด ASF ในหมู แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ ส่วนหมูในฟาร์มของตนเองเริ่มมีอาการป่วยตั้งแต่เดือน ส.ค. 2564 ที่ผ่านมา สภาพมีไข้อุณหภูมิสูง 43 องศา จนเส้นเลือดฝอยแตก หนังและลำตัวแดง เริ่มทยอยล้มตาย ตรวจเลือดพบว่าตายด้วยโรค ASF อย่างรุนแรง ต้องตัดสินใจรีบนำหมูที่ตายไปทำลายฝังกลบ

"เฉลิมชัย"สั่งตั้งคกก.สอบกรมปศุสัตว์ ปมไม่ได้รับหนังสือจากภาคีคณบดีคณะสัตวแพทย์ฯ

เปิดหนังสือ ภาคีคณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ฯ เตือน ASF ในหมู ด้าน ปศุสัตว์ ยืนยันไม่เคยเห็น ตั้งกรรมการสอ...

ส่วนที่อาการใกล้ตายก็ต้องทิ้งทั้งหมด สำหรับหมูที่ยังไม่ตายใช้เวลา 40 วัน ขนออกจากฟาร์มนำไปขายราคาถูกๆ เรียกได้ว่า “ขายไปตายไป”  ซึ่งกว่าจะเปิดเผยความจริงมันก็สายไปแล้ว เสียหายเป็นแสนล้านบาท นี่คือความล้มเหลวของระบบราชการไทย ของกรมปศุสัตว์ไทย ตนขอตำหนิอย่างรุนแรง และ แนะนำให้อธิบดีกรมปศุสัตว์ลาออกทางเดียวเท่านั้น

ด้าน นายเสน่ห์ นัยเนตร ประธานสหกรณ์ปศุสัตว์และสัตว์น้ำ ฉะเชิงเทรา จำกัด บอกว่า หลังเกิดโรคระบาด ASF สร้างความเสียหายให้ฟาร์มหมูเป็นอย่างมาก ตอนนี้ฟาร์มของสมาชิกสหกรณ์  35  ฟาร์ม กลายเป็นฟาร์มร้าง เพราะต้องกำจัดหมูที่ติดโรคไปแล้วกว่า 10,000 ตัว เป็นแม่หมูประมาณ 2,500 ตัว ซึ่งทางเกษตรกรต้องเร่งกำจัดซากหมู ทั้งการขุด ฝังกลบ และ เผา จึงไม่ได้ให้ปศุสัตว์เข้ามาเป็นผู้ทำลาย ทำให้ผู้เลี้ยงหมูจะไม่ได้รับชดเชย ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติเมื่อวานนี้  วงเงิน 574 ล้านบาท เพราะตามหลักเกณฑ์ต้องแจ้งให้ปศุสัตว์มาทำลายซากเท่านั้น

แต่การกำจัดซากหมูที่ติดเชื้อ เป็นเรื่องที่รอไม่ได้ ดังนั้นจึงอยากให้ทางกรมปศุสัตว์ส่งเจ้าหน้าที่ลงมาขุดเก็บซาก และส่งตรวจ เพื่อยืนยันผลว่าหมูติดโรค ASF และ ให้มีการจ่ายชดเชยช่วยเหลือผู้เลี้ยงหมู เพราะถ้าไม่มีเงินชดเชย เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูก็ไม่มีทุนที่จะเลี้ยงหมูใหม่ได้  เพราะต้องมีการปรับปรุงโรงเรือนเป็นระบบปิด และ มีระบบการเลี้ยงที่เข้มงวดมากกว่าเดิม