คาดราคาน้ำมันโลกทะยานต่อเนื่อง จากสงคราม-แซงชั่นรัสเซียเพิ่ม
คาดราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งขึ้นต่อเนื่อง จากหลายปัจจัยหนุน ทั้งสงครามและมาตรการแซงชั่นของสหรัฐห้ามนำเข้าน้ำมันรัสเซีย
น่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ระบุว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในสัปดาห์ล่าสุดเพิ่มขึ้น 11-14 เหรียญ/บาร์เรล และในเช้าวันที่ 7 มี.ค. 65 ตลาดล่วงหน้าทำสถิติซื้อขายสูงสุดในรอบ 13 ปี โดย ICE Brent ทะยานแตะระดับ 139 เหรียญ/บาร์เรล และ WTI ที่ระดับ 131 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากรมว.กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ นาย Antony Blinken กล่าวว่าสหรัฐฯ กำลังพิจารณามาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม
สมาชิกวุฒิสภาเสนอร่างกฎหมายห้ามนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซีย เพื่อลงโทษกรณีบุกยูเครน
3 อย่างที่สหรัฐฯ จะทำหลังจากนี้ เพื่อช่วยเหลือยูเครน
สื่อรัสเซียรายงาน รัสเซียจะหยุดยิง-เปิดเส้นทางอพยพอีกครั้ง
รัสเซีย กวาดจับม็อบต้านบุกยูเครน เพิ่มอีก 4,000 คน
ทั้งนี้ร่างฯ ดังกล่าวจะต้องผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร และลงนามโดยประธานาธิบดี นาย Joe Biden ก่อนเป็นกฎหมายมีผลบังคับใช้
ให้จับตาการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ (Joint Comprehensive Plan of Action: JCPOA) ระหว่างอิหร่านกับมหาอำนาจ 6 ชาติ (P5+1 ได้แก่ สหรัฐฯ, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, รัสเซีย, จีน, และเยอรมนี) ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย หลังจาก รมว.กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย นาย Sergei Lavrov เรียกร้อง ให้สหรัฐฯ ออกหนังสือรับรองว่ามาตรการคว่ำบาตรรัสเซียจะไม่ครอบคลุมการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเทคโนโลยีระหว่างรัสเซียกับอิหร่าน
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
- การเจรจาหยุดยิงระหว่างคณะผู้แทนรัสเซียกับยูเครนไม่สามารถบรรลุข้อตกลง
- มาตรการคว่ำบาตรธนาคารรัสเซียหลายแห่งจากระบบ SWIFT (Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication) จะทำให้กระแสการค้าพลังงาน รวมสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ที่รัสเซียผลิต เช่น ธัญพืช ปุ๋ย ไม้ เหล็กกล้า Palladium Nickel หยุดชะงักอย่างมีนัยสำคัญ จนกว่าผู้ซื้อจะสามารถหาธนาคาร และระบบทางเลือกชำระเงินอื่นๆ ทั้งนี้รัสเซียผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ประมาณ 1/6 ของโลก
- การประชุมกลุ่ม OPEC และประเทศพันธมิตร (OPEC+) ในวันที่ 2 มี.ค. 65 มีมติยึดตามแผนเดิม คือ ผลิตน้ำมันดิบในเดือน เม.ย. 65 เพิ่มขึ้น 400 KBD ซึ่งตลาดมองว่าน้อยเกินไปภายใต้สภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัว
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
- IEA แนะนำให้ประเทศสมาชิกระบายน้ำมันดิบจากคลังสำรองน้ำมันทางเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve: SPR) ปริมาณ 60 ล้านบาร์เรล โดยเป็นน้ำมันดิบจากสหรัฐฯ 30 ล้านบาร์เรล และส่วนที่เหลือจากยุโรปและญี่ปุ่น