วิธีคำนวณค่าไฟ หลังกกพ. เคาะขึ้นค่า FT งวดเดือนพ.ค.-ส.ค.

เดือนพฤษภาคมนี้ ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่ประชาชนต้องจ่ายรวมเป็น 4 บาทต่อหน่วย สูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลายคนคงอยากรู้ว่าเดือนพฤษภาคม ค่าไฟต้องจ่ายเท่าไหร่ วันนี้เราจะมาบอกวิธีคำนวณ

กลายเป็นคำถามสำคัญของการปรับขึ้นค่าไฟเป็นหน่วยละ 4 บาท จะทำให้เราต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน วันนี้ทีมข่าว พีพีทีวี ลองคำนวณค่าไฟ ว่าหากใช้ไฟเท่าเดิมจะต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มเท่าไหร่  โดยอ้างอิงการคำนวณของการไฟฟ้านครหลวง

หากใช้ไฟฟ้า 200 หน่วยต่อเดือน  ปัจจุบันเราจ่ายค่าไฟประมาณ  790  บาทต่อเดือน แต่นับจากเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ เราจะต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มเป็น 840 บาท  (เพิ่มขึ้น 50 บาท)

หรือหากปกติใช้ไฟฟ้า 300 หน่วยต่อเดือน ค่าไฟจะเพิ่มขึ้นประมาณ 75-80 บาท คือ จากประมาณ 1,240 บาท เป็น 1,320  บาท  

และหากใช้ไฟเพิ่มเป็น 400 หน่วย ค่าจะเพิ่มขึ้น 100  บาท จาก 1,697 บาท  เป็น 1,797 บาท  โดยค่าไฟจะปรับขึ้นตามขั้นบันได คือ ยิ่งใช้ไฟมาก ก็จะจ่ายแพงขึ้น

ขณะที่เมื่อวานนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์  และคณะได้ลงพื้นนี้ตรวจสอบราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยยอมรับว่า  ต้นทุนการผลิตสินค้าสูงขึ้น และราคาอาหารสด ยังสามารถตรึงราคาไว้ได้ เช่น หมูเนื้อแดงที่ยังสามารถตรึง ราคาเฉลี่ย 150 บาท/กก. ทั่วประเทศ  และไก่อยู่ในราคากำกับ  ส่วนไข่ไก่ที่ปรากฏเป็นข่าวเมื่อ 2-3 วัน ว่า จะปรับราคาขึ้น ขณะนี้เจรจาจบยุติว่า ยังตรึงราคาไข่คละหน้าฟาร์มไว้ที่ไม่เกินฟองละ 3.20 บาท  ทำให้อยู่ในระดับที่ผู้บริโภครับได้ เฉลี่ย 3.54 บาท/ฟอง ทั้งประเทศ

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ถามว่า ในช่วงสงกรานต์ จะมีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่มีสิทธิ์ที่อยู่ๆ จะมาขึ้นราคา ถ้าขึ้นราคาจนกลายเป็นการค้ากำไรเกินควรต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย  ถ้าที่ไหนขึ้นราคาเกินพอดีและรู้สึกเอารัดเอาเปรียบมากไป ให้แจ้งสายด่วน 1569

ตอนนี้ ปัจจัยที่ทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้นในขณะนี้มาจากภาวะสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ไทยหนีไม่พ้นเงินเฟ้อ  ซึ่งจะกระทบไปถึงค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส ที่เป็นต้นทุนการผลิตสินค้าทั้งสิ้น แต่นโยบายมอบไปแล้วว่า จะต้องดูเป็นกรณี เป็นหมวดสินค้าว่าต้นทุนสูงจริงหรือไม่ โดยยึดหลักไม่ต้องขึ้นราคาให้ผู้บริโภคเดือดร้อน