สินค้าแพงทุกอย่าง! ดันเงินเฟ้อ มี.ค.65 พุ่งสูงสุดในรอบ 13 ปี คนไทยเตรียมกระเป๋าแฟบ
จากกรณีปัญหาสินค้าราคาแพงขึ้น เพราะต้นทุนการผลิต ทั้งราคาน้ำมัน ค่าไฟ ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดตัวเลขเงินเฟ้อของเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้นถึง 5.73 % ถือเป็นตัวเลขที่สูงสุดในรอบ 13 ปี ทำให้น่ากังวลว่าคนไทย จะต้องซื้อของแพงต่อไปอีก
"หักค่าใช้จ่ายได้ 1.25 เท่า" ผู้ประกอบการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกย่อยสลายได้ทางชีวภาพ
ผวาผลกระทบสงครามยูเครน ดันส่งออกข้าวไทยเดือนก.พ.พุ่ง 38.3%
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เงินเฟ้อเดือนมีนาคม 2565 เท่ากับ 104.79 เพิ่มขึ้น 5.73% ถือเป็นตัวเลขที่สูงสุดในรอบ 13 ปี นับจากปี 2551 สาเหตุมาจากราคาน้ำมัน สูงขึ้นถึง 31% ค่าไฟฟ้าแพงขึ้น 40 % รวมถึงราคาอาหาร โดยเฉพาะผักสด เพิ่มเกือบ 10 % เนื้อหมู เนื้อไก่ เพิ่มขึ้น 5.74 % ไข่ไก่ ข้าวราดแกง อาหารตามสั่ง เพิ่มขึ้น 6 %
นอกจากนี้ แนวโน้มเงินเฟ้อในเดือนเมษายน 2565 มีโอกาสจะสูงขึ้นอีก เพราะราคาแก๊สหุงต้มปรับขึ้นกิโลกรัมละ 1 บาท ขณะที่ผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน เริ่มรุนแรงขึ้น ทำให้คาดว่าปีนี้คนไทยต้องเจอกับปัญหาราคาสินค้าแพง มูลค่าเงินในกระเป๋าลดลง เงินเฟ้อจะสูงถึงอยู่ที่ 4-5% จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้อยู่ที่่ 0.7-2.4% เท่านั้น
สำหรับราคาสินค้าต่าง ๆ มีแนวโน้มที่จะพาเหรดปรับราคาขึ้น เช่น ซอสปรุงรส ซีอิ๊ว ปลากระป๋อง ซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์ขอความร่วมมือผู้ผลิต และห้างค้าปลีกให้ช่วยตรึงราคา ช่วยเหลือประชาชนไปก่อน ล่าสุดทางท็อปส์ และ แฟมิลี่มาร์ท ร่วมกับ 58 แบรนด์ จัดแคมเปญ “ลด-ล็อคราคา” สินค้าอุปโภค-บริโภค ที่จำเป็นกว่า 190 รายการ เช่น ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เครื่องปรุงรส น้ำอัดลม โดยจะตรึงราคาสินค้านาน 1 ปี ตั้งแต่ 1 เมษายน 2565 - 31 มีนาคม 2566 เพื่อลดค่าครองชีพช่วยประชาชน สอดคล้องกับมาตรการของรัฐบาล
โดยนางสุจิตา เพ็งอุ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการ Large Format (ลาจ ฟอร์แมท) บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ระบุว่า แคมเปญนี้จะช่วยประชาชนประหยัดค่าใช้จ่ายในช่วงสภาวะเงินเฟ้อสูง และช่วยกระตุ้นกำลังซื้อช่วงสงกรานต์ปีนี้ให้กลับมาคึกคักขึ้นกว่าปี 2564 พร้อมเสนอรัฐบาลพิจารณาให้ธุรกิจ Modern Trade สามารถเข้าร่วมโครงการ "คนละครึ่ง" ได้เหมือนร้านค้าทั่วไป