คาดท่องเที่ยวดันเศรษฐกิจโต 3.5% ท่ามกลางเงินเฟ้อพุ่งต่อ และ 4 ปัจจัยเสี่ยง
การท่องเที่ยวยังเป็นทั้งความหวัง และแรงหนุนสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยปีนี้ แม้ว่ายังต้องติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ส่งผลต่อราคาพลังงาน ค่าครองชีพประชาชน และเศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด กระทรวงการคลัง ประเมินว่าปีนี้เศรษฐกิจไทย จะเติบโต ที่ 3.5% ขณะที่เงินเฟ้อเดือน มิ.ย.เพิ่มขึ้นแตะระดับ 7.66%
เศรษฐกิจไทยปี 2565 คาดว่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องที่ 3.5% ต่อปี โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศและภาคการท่องเที่ยว แต่ยังต้องติดตามผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนและนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลักอย่างใกล้ชิด ส่งผลกระทบต่อระดับราคาพลังงาน ค่าครองชีพของประชาชน
6 เดือนแรกต่างชาติลงทุนไทยโต ดันจ้างงานกว่า 3 พันคน
“โฮมโปร” สาขาใหม่ดันยอดขาย ไตรมาส 2 กำไรโต 6.1% ที่ 1,520 ล้านบาท
หากโฟกัสเฉพาะท่องเที่ยว จะเห็นว่า เศรษฐกิจไทยในเดือน มิ.ย. 2565
ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้นทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างชาติและผู้นักท่องเที่ยวชาวไทย มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม จำนวน 767,497 คน ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 13,379 %
ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย อินเดีย สิงคโปร์ เวียดนาม และสหรัฐอเมริกา ตามลำดับ
เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 15.7 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน 1,115.6%
ทำให้การท่องเที่ยวเป็นความหวังของเศรษฐกิจไทยปีนี้ โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยจำนวน 8 ล้านคน เพิ่มขึ้นมากจากปี 2564 ที่มีจำนวนเพียง 4 แสนคน
เดือน มิ.ย. ที่ผ่านมาเสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี แม้มีปัจจัยกดดันจากการเพิ่มขึ้นของระดับราคาสินค้า ส่งผลทำให้เงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 7.66% เงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 2.51% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2565 อยู่ที่ 60.9% ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 รวมทั้งผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานรายใหม่ 0.69% ของผู้ประกันตนตามมาตรา 33
บัตรคนจน เฮ! ครม.เพิ่มเงินคนละ 200 บาท เข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะเวลา 2 เดือน
คาดทั้งปีเศรษฐกิจไทยโต 3.5%
โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศและภาคการท่องเที่ยว ท่ามกลางการติดตามผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนและนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลักอย่างใกล้ชิด
โดยภายหลังที่มีการผ่อนปรนมาตรการเดินทางระหว่างประเทศ และยกเลิกระบบ Thailand Pass สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2565 เป็นต้นไป ส่งผลให้รายได้ครัวเรือนและภาคธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้น
นอกจากนั้น ยังมีแรงหนุนจากรายได้เกษตรกรจะขยายตัวได้ดีตามราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้น ส่งผลให้การใช้จ่ายขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นแรงสนับสนุนสำคัญต่อการฟื้นตัวของการบริโภค โดยคาดว่าการบริโภคภาคเอกชนจะขยายตัวที่ 4.8% ต่อปี
ส่งออกสินค้าคาดว่าจะขยายตัวที่ 7.7% ต่อปี แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ส่งผลให้ราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การดำเนินนโยบายการเงินของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักเข้มงวดมากขึ้น อีกทั้งปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบในห่วงโซ่อุปทานที่ยืดเยื้อ
ลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวได้ที่ 5.7% ต่อปี ตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทั้งในประเทศ
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 6.5% ต่อปี ตามราคาพลังงานที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตภายในประเทศที่สูงขึ้นและกระจายตัวในหมวดสินค้าที่หลากหลายขึ้น โดยประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะค่อยๆ ปรับตัวลดลง หากราคาน้ำมันเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ โฆษกกระทรวงการคลังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “สำหรับปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
1.ความยืดเยื้อของสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งส่งผ่านไปยังต้นทุนของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ
2. ความผันผวนของตลาดการเงินโลกจากการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นของธนาคารกลางหลายประเทศ โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ที่มีแนวโน้มเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายหลังอัตราเงินเฟ้อเร่งสูงขึ้นต่อเนื่องและภาวะตลาดแรงงานที่ตึงตัว
3.ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทั้งสายพันธุ์ที่ระบาดในปัจจุบันและที่อาจเกิดขึ้นใหม่ในอนาคต
4.เศรษฐกิจคู่ค้าชะลอลง โดยเฉพาะเศรษฐกิจประเทศหลักและประเทศจีน
วิธีรับสิทธิ "คนละครึ่งเฟส 5" คนละ 800 บาท
คนละครึ่งเฟส 5 มาแล้ว! แจกคนละ 800 บาท เงินเข้าแอปฯเป๋าตัง ก.ย.นี้