เริ่มตั้งแต่ต้นปี "วางแผนภาษี" ไม่วุ่นวายตอนยื่นแบบฯ ปลายปี
5 วิธีเตรียมก่อนยื่นภาษีเงินได้ประจำปี แนะนำให้เตรียมตัวตั้งแต่ต้นปี คำนวณรายรับ หาสิทธิลดหย่อน ไม่วุ่นวายตอนยื่น
วางแผนภาษี คือ การเตรียมการเพื่อเสียภาษีให้ถูกต้องตามที่กรมสรรพากรกำหนดไว้ โดยสามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างเต็มที่ ซึ่งนอกจากจะพิจารณาเรื่องรายได้ประจำปี สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามเงื่อนไขต่างๆ แล้ว ยังจะต้องพิจารณาเรื่องเวลาด้วย เพราะยิ่งวางแผนภาษีเร็สเท่าไหร่ทำให้เรามีเวลาเหลือเพียงพอที่จะนำรายได้หรือเงินที่ต้องจ่ายภาษีมาทำประโยชน์ได้ก่อนซึ่งจะช่วยให้เราใช้เงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เลือกประกันเดินทางท่องเที่ยว อุ่นใจยามป่วยกะทันหันในต่างแดน
ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ เสียภาษีอะไรบ้าง ขอคืนได้หรือไม่
และสำหรับในปีภาษี 2565 ก็อยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายสำหรับการยื่นออนไลน์ คือวันสุดท้ายวันที่ 10 เม.ย.2566
ยังพอมีเวลาที่จะวางเแผนภาษีกัน มาเริ่มไปพร้อมๆ กันเลย
1.ต้องรู้ตัวเลข "รายได้สุทธิ" ที่ชัดเจน เพื่อวางแผนการใช้จ่ายในแต่ละเดือน
รายได้จากการทำงาน รายได้จากการลงทุนต่างๆ ไม่ใช่รายได้สุทธิที่จะเอาไปใช้จ่ายในชีวิจประจำวันได้ทั้งหมด เพราะรายได้จะต้องถูกหักภาษี เงินประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident funds) และอื่นๆ อีกมากมาย
ซึ่งภาษีคือเงินก้อนใหญ่ที่มักจะถูกหักจากเงินเดือน บางบริษัทสามารถทำเรื่องบันทึกค่าลดหย่อนในแบบแจ้งรายการเพื่อหักลดหย่อน (ล.ย.01) ได้ ซึ่งจะทำให้ภาษีที่ถูกหักในแต่ละเดือนน้อยลงและใกล้เคียงกับการยื่นภาษีประจำปีมากขึ้น เพราะถูกคำนวณหลังหักค่าลดหย่อนแล้ว
แต่... การจะใช้สิทธิลดหย่อน เราต้องรู้ก่อนว่าเราจะใช้สิทธิลดหย่อนในเรื่องใดและจำนวนเท่าไร เพราะถ้าบันทึกไปแล้ว บริษัทจะคำนวณภาษีและหักภาษีจากเงินเดือนตามข้อมูลที่เราแจ้งไป ทำให้ได้เงินเดือนในแต่ละเดือนมากขึ้น เงินที่ได้เพิ่มขึ้นมาก็สามารถนำไปใช้ประโยชน์อื่นๆ
2.เตรียมเงินไว้ให้เพียงพอต่อการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี
การวางแผนภาษีล่วงหน้าจะทำให้เราสามารถจัดเตรียมรายการใช้สิทธิลดหย่อนได้ และสามารถคำนวณภาษีที่ต้องจ่ายได้ เช่น ประกัน กองทุนรวม ฯลฯ บางกรณีที่ไม่ได้วางแผนภาษีอาจต้องรีบขายหุ้นหรือกองทุนรวมเพื่อมาซื้อผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ส่งผลต่อแผนการลงทุนและแผนการใช้เงินที่ได้เตรียมไว้ล่วงหน้า
เพราะฉะนั้น หากมีการวางแผนภาษีตั้งแต่ต้นปี ทำให้สามารถเตรียมเงินหรือแบ่งเงินส่วนหนึ่งไว้พร้อมสำหรับการซื้อกองทุนและประกันในช่วงปลายปีหรือจะทยอยซื้อในระหว่างปีก็ได้ โดยไม่กระทบต่อแผนการลงทุนและแผนการใช้เงิน
3. ทยอยซื้อกองทุนรวมเพื่อลดหย่อนภาษี (SSF, RMF) ได้ทุกๆ เดือน ทำให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนระหว่างปี
การซื้อกองทุน SSF/RMF จำนวนเท่าไร จะไม่สามารถคาดเดาช่วงเวลาที่จะสามารถซื้อกองทุนในช่วงที่ถูกที่สุดของปีได้ แต่สามารถทยอยซื้อกองทุนในทุกๆ เดือน หรือการทำ DCA (Dollar-Cost Averaging) เพื่อเฉลี่ยต้นทุนการซื้อ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากการลงทุน และยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนระหว่างปีจากการปันผลของกองทุนรวมเพิ่มขึ้นอีกด้วย
4. ซื้อประกันเร็วจะได้รับความคุ้มครองก่อน
หากต้องมีการซื้อประกันไม่ว่าจะคุ้มครองชีวิตหรือสุขภาพ การวางแผนภาษีไว้ล่วงหน้าจะช่วยให้สามารถซื้อประกันไว้ก่อนได้เลย หากซื้อประกันไว้ตั้งแต่ต้นปีนั่นหมายความว่าเราก็ย่อมได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ที่เราเลือกได้ก่อน และประกันบางประเภทมีระยะเวลารอคอย (Waiting Period) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประกันจะยังไม่คุ้มครองหลังจากซื้อประกันแล้ว ทำให้มีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับความคุ้มครองอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ดังนั้น หากซื้อประกันช่วงปลายปีก็อาจจะไม่ได้รับความคุ้มครองในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ที่เราอาจจะมีการเดินทางไปท่องเที่ยวและพักผ่อน
5. ถ้าซื้อประกันที่ได้ผลตอบแทน จะได้ผลตอบแทนกลับมาเร็วมากกว่า
ประกันบางประเภทนอกจากจะสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้แล้ว ยังสามารถสร้างผลตอบแทนคืนกลับมาให้ผู้ซื้อประกันด้วย เช่น ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (Endowment) ประกันประเภทนี้มักจะมีการจ่ายคืนผลตอบแทนกลับมาในรูปของเงินคืนในแต่ละปีกรมธรรม์
หากได้ทำประกันประเภทนี้ไว้ตั้งแต่ช่วงต้นปี ก็จะได้รับผลตอบแทนกลับมาในช่วงต้นปีถัดๆ ไป ทำให้สามารถเอาผลตอนแทนที่ได้รับไปลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย