ตลาดทุนอยากให้รีบเลือกนายกฯ รัฐบาลใหม่มีเสถียรภาพ ช่วยดึงเม็ดเงินต่างชาติกลับ
บล.เอเซีย พลัส ประเมินดัชนีหุ้นไทย กรอบบน 1,520 จุด ตลาดกำลังรอให้รีบโหวตนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลมีความเสถียรภาพ ช่วยดึงเม็ดเงินต่างชาติกลับได้ ชี้ทยอยสะสมโซน 1,480 จุด พร้อมคาด กนง. ชะลอขึ้นดอกเบี้ย หลังเงินเฟ้อลดลงต่อเนื่อง
เงินเฟ้อชะลอตัวต่อเนื่องต่อเนื่อง 6 เดือนติดต่อกัน ต่ำสุดรอบ 22 เดือน
หุ้นไทยใกล้จุดต่ำสุด โบรกฯคาดฟื้นไตรมาส 4/66 จับตาตั้งรัฐบาลใหม่
คุณเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ทิศทางเงินเฟ้อไทยเดือน มิ.ย. 66 ล่าสุดอยู่ที่ 0.23% (YoY) ชะลอตัวลงจากเดือน พ.ค. ที่ 0.53% (YoY) และจากความกลัวภาวะถดถอยเริ่มมีมากขึ้น บล.เอเซีย พลัส ประเมินว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจจะชะลอปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายชั่วคราวในการประชุมที่จะถึงนี้ (2 ส.ค.66) ซึ่งจะทำให้ภาวะการลงทุนเกิดการผ่อนคลายมากขึ้น
สำหรับประเด็นการเมืองไทยที่ผ่านมา มีอิทธิพลอย่างมากต่อตลาดทุน แต่ล่าสุดภายหลังมีการโหวตประธานสภาแล้ว ดัชนีตลาดหุ้น (SET INDEX) มีการปรับตัวขึ้นตอบรับข่าวแล้ว
“ก่อนหน้านี้ตลาดลงไปแรงมาก บางช่วงเวลาลงไป 1,460 ซึ่งตอนนั้นเราบอกว่ามันเกินไปแล้ว เรื่องการเมืองค่อนข้างจะเป็นอารมณ์แบบเยอะเกินไปหน่อย จำได้วันหนึ่งเราก็เขียนที่รีพอร์ตลงไปเลยว่าโซนที่ต่ำกว่า 1,480 เป็นโซนที่ต้องซื้อแล้ว เป็นเวทีสำหรับนักลงทุนระยะยาว ต้องซื้อแล้วมาถอย ราคานี้ไม่ถอย ต้องสู้”
คุณเทิดศักดิ์ กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ประเมิน SET INDEX จะไปถึงแค่ 1,520 จุด โดยตลาดจะรอผลโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งตลาดต้องการให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และรัฐบาลใหม่ต้องมีความเสถียรภาพ สามารถขับเคลื่อนโยบายนำพาเศรษฐกิจไทยฝ่าวิกฤตถดถอยที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ แต่ถ้าเกิดเหตุผิดพลาด SET INDEX อาจกลับลงมาที่บริเวณ 1,480 จุดอีกครั้ง
“สิ่งที่ตลาดหุ้นอยากเห็น มี 2 อย่าง อย่างที่หนึ่ง กระบวนการเลือกนายกฯ มันต้องไว หรืออย่าพูดง่าย ๆ อย่าโหวตมากกว่า 1 ครั้งเลย และอย่างที่สอง ใครก็ตามที่ขึ้นมาเป็นรัฐบาล ต้องเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ถ้าได้ทั้ง 2 เรื่องนี้ 1,520 จะทะลุไปได้อยู่ที่ด้วยตัวมันเอง ผมเชื่อว่าฟันโฟลจะกลับมา” คุณเทิดศักดิ์ กล่าว
สำหรับการจุดพอร์ตลงทุนช่วงนี้ ควรมีหุ้นไทย 30% ตราสารหนี้ 15% การลงทุนทางเลือก เช่น ทองคำ 10% ส่วนที่เหลือให้ถือเงินสด
ส่วนกลยุทธ์การลงทุน SET Index แนะนำทยอยสะสมหุ้นเมื่ออยู่ในระดับต่ำกว่า 1,480 จุด โดยเลือกหุ้นพื้นฐานดีราคาลงลึก พร้อมกับมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว คือ BEM, JMT, SCGP, SCB, IVL, ERW, III
อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 3 ปี 66 มีปัจจัยกดดันจากเศรษฐกิจโลกถดถอย (recession )ที่เริ่มสูงขึ้น สะท้อนได้จากในยุโรป จีดีพี ที่เริ่มติดลบมาตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 65 และในสหรัฐอเมริกาก็เริ่มมีสัญญาณแล้ว หลังดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เริ่มหักหัวลง ซึ่งในอดีตเมื่อเข้าภาวะถดถอย PMI จะลงไปถึงระดับ 45 ขณะเดียวกัน Inverted Yield Curve ของสหรัฐฯ ได้ติดลบมาตั้งแต่เดือน ก.ค.ปี 65 จนถึงตอนนี้ครบ 1 ปี และหากเป็นลักษณะแบบนี้ไปสักระยะก็จะเกิดภาวะถดถอยตามมา รวมถึงล่าสุดจำนวนบริษัทในสหรัฐฯเริ่มล้มละลายเพิ่มขึ้นถึง 68%
“ยุโรปมาแล้วเทคนิคคอล recession มาในสหรัฐฯ เห็นตั้งแต่ PMI เห็น Inverted Yield Curve เห็นจำนวนบริษัทที่มีการล้มละลายไป และยังเห็นแบงก์ที่มีปัญหาแล้วก็ล้มลง ฉะนั้นภาพ recession มองว่าเริ่มปรากฏเด่นชัดมากขึ้น” คุณเทิดศักดิ์ กล่าว
โดยจากผลสำรวจของบลูเบิร์ก พบว่าเกิดภาวะถดถอย 12 เดือนข้างหน้า ในสหรัฐฯมีโอกาสถึง 65% ซึ่งส่วนตัวมองว่าตอนนี้ควรเริ่มกังวลภาวะถดถอยได้แล้ว
ขณะเดียวกันการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้เริ่มส่งผลมายังภาคเศรษฐกิจสหรัฐฯและยุโรป เริ่มชะลอตัว รวมถึงการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อกดเงินเฟ้อให้ลงมาอยู่ในเป้าหมาย 2% ทำให้ความเสี่ยงภาวะถดถอยไม่หมดไป