แบงก์ชาติ จับตา 3 ความเสี่ยงเศรษฐกิจ ได้รัฐบาลช้ากระทบเชื่อมั่น
เกือบจะครบ 3 เดือนแล้ว หลังการเลือกตั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ ซึ่งขณะนี้ทั้งเอกชน และ แบงก์ชาติ ยังติดตาม เพราะการจัดตั้งรัฐบาล เป็น 1 ใน 3 ปัจจัยเสี่ยงที่กระทบเศรษฐกิจไทย
นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ธปท. ติดตาม 3 ปัจจัยเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ คือ เศรษฐกิจและตลาดการเงินโลกที่มีความไม่แน่นอนและผันผวนสูง, การจัดตั้งและนโยบายของรัฐบาลใหม่ และค่าครองชีพที่อยู่ในระดับสูง
ซึ่งมีผลกระทบต่อกลุ่มเปราะบาง ซึ่งความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทย การจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า อาจกระทบกับการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 บ้าง โดยเฉพาะงบลงทุน ถ้ายืดเยื้อก็อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นได้ ทำให้ต้องจับตาต่อไป
ด้านนายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า ปัจจัยที่กระทบต่อธุรกิจประกันชีวิตในช่วงที่เหลือของปี คือ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมือง ที่อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน ไปจนถึงการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ซึ่งเชื่อว่าไม่ว่ารัฐบาลพรรคการเมืองไหนเข้ามาบริหารประเทศ จะให้ความสำคัญกับนโยบายเศรษฐกิจ
นายสาระ เปิดเผยถึง ภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตในช่วงครึ่งแรกปี 2566 มีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 300,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 3.78% ซึ่งปัจจัยสนับสนุน คือ เทรนด์การรักสุขภาพของประชาชน ที่ให้ความสนใจประกันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสุขภาพ-โรคร้ายแรง จากแนวโน้มค่ารักษาพยาบาลที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงแบบประกันบำนาญ ที่ส่วนหนึ่งมาจากสังคมสูงวัย และค่านิยมการแต่งงานช้า มีลูกน้อยลง ทำให้คนทั่วไปเริ่มคิดถึงการออมเงินไว้สำหรับดูแลตัวเองในช่วงหลังเกษียณ
คาดว่าในปีนี้ เบี้ยประกันรับรวม จะเป็นไปตามเป้าหมาย ที่ 612,500 - 623,500 ล้านบาท