ผู้ถือครองที่ดินเตรียมรับความเสี่ยงจาก "ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง"
KBank Private Banking แนะนำผู้ถือครองที่ดินตื่นตัวในการวางแผนและจัดการทรัพย์สินด้านที่ดิน เพื่อรับมือกับความเสี่ยงภาระภาษีที่มากยิ่งขึ้นในอนาคต
KBank Private Banking (เคแบงก์ ไพรเวทแบงก์กิ้ง) แนะนำผู้ถือครองที่ดินตื่นตัวในการวางแผนและจัดการทรัพย์สินด้านที่ดิน เพื่อรับมือกับความเสี่ยงภาระภาษีที่มากยิ่งขึ้นในอนาคต ท่ามกลางกระแสด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วหลังจากภาครัฐเดินหน้าจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเต็มอัตรา
จับตาวิกฤตอสังหาริมทรัพย์จีน ในวันที่บริษัทยักษ์ใหญ่เริ่มล้ม
เศรษฐา ลุยภูเก็ตหวังไตรมาส 4 ท่องเที่ยวพีคดันเศรษฐกิจ
การซื้อที่ดินเก็บเพื่อให้ลูกหลานแนวโน้มลดลงแต่ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการที่ดินในแต่ละครอบครัว
นางกรกช อรรถสกุลชัย Chief Non-Capital Market Solution, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทำให้ความต้องการในการซื้อที่ดินเก็บเพื่อส่งต่อเป็นทรัพย์สินให้ลูกหลานมีแนวโน้มลดลงและเกิดความตื่นตัวอย่างมากในการให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทรัพย์สินประเภทที่ดินในแต่ละครอบครัว
สำหรับผู้ที่ถือครองที่ดินอยู่แล้วการจัดเก็บภาษีที่มีการเปลี่ยนแปลงทุกๆ ปี ยังสร้างความสับสนให้กับผู้ถือครองที่ดินอย่างต่อเนื่อง
การเปลี่ยนแปลงของราคาประเมินที่ดิน กระทบการคำนวณภาษีในปีนี้
การเปลี่ยนแปลงของราคาประเมินที่ดินโดยกรมธนารักษ์ซึ่งเป็นฐานที่ใช้ในการคำนวณภาษีที่ดินระหว่างปี 2566 - 2569 จากที่ดินในฐานข้อมูลของ KBank Private Banking พบว่า 50% ของที่ดินราคาประเมินไม่เปลี่ยนแปลง 39% ของที่ดินราคาปรับเพิ่มขึ้น และ 11% ของที่ดินราคาประเมินปรับลดลง
ซึ่งราคาประเมินที่ดินที่มีการปรับตัวสูงขึ้นมากคือที่ดินในบริเวณที่ราคาประเมินฯ กับราคาตลาดมีความแตกต่างกันมาก เช่น ที่ดินในต่างจังหวัดโดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยว ที่มีการปรับตัวขึ้นสูงในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นราคาประเมินที่สูงขึ้นก็ส่งผลให้อัตราภาษีสูงขึ้น
ปี 2566 ยังเป็นปีแรกที่มีการปรับอัตราภาษีสำหรับที่ดินที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์อีก 0.3%ทำให้ผู้ครองที่ดินต้องจ่ายภาษีเพิ่มขึ้น จึงแนะนำให้ผู้ถือครองที่ดินพิจารณาใช้ประโยชน์ที่ดินแทนการปล่อยให้ที่ดินรกร้างว่างเปล่า