เอกชน จ่อยื่นสมุดปกขาวให้ "เศรษฐา"แก้ปากท้อง
หอการค้าไทย เตรียมยื่นสมุดปกขาวให้ นายกรัฐมนตรีในเดือนพ.ย.นี้ หวังเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ แก้ปัญหาปากท้อง ดึงเม็ดเงินต่างชาติลงทุนเพิ่ม คาด นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ดันจีดีพีปีหน้าแตะ5% แต่ยังกังวลที่มาของงบประมาณ
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สภาหอการค้าฯ ผนึกกำลังร่วมกับ กระทรวงพาณิชย์ สมาคมการค้า และหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย ระดมความคิดเห็น ในงานสัมมนาใหญ่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประจำปี 2023 เพื่อพูดคุยและหาแนวทางความร่วมมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเป็นการรวบรวมข้อมูลจากสมาชิกหอการค้า เพื่อนำไปจัดทำเป็นสมุดปกขาว มอบให้กับ นายเศรษฐาทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐบาลใหม่ ในช่วงเดือนพ.ย.นี้
ยื่นสมุดปกขาวรัฐบาลใหม่ เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ แก้ปัญหาปากท้อง
ระวังอย่าเชื่อแอปฯ-ข้อความหลอกกดเงินดิจิทัล 10,000 บาท
นายสนั่น บอกว่า ประเด็นเร่งด่วน ในสมุดปกขาวจะเน้นไปที่การนำเสนอให้รัฐบาล หาแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น โดยเฉพาะการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใช้การท่องเที่ยว ซึ่งก็สอดคล้องกับ ที่รัฐบาลกำลังจะผลักดัน นโยบายฟรีวีซ่า ให้กับนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งจะช่วยสร้างเม็ดเงินและสร้างรายได้ ให้กับธุรกิจท่องเที่ยว เสนอให้รัฐบาลหาแนวทางลดค่าครองชีพ ดูแลปัญหาปากท้อง ลดค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า รวมทั้งการดึงดูดชาวต่างชาติให้มาลงทุน ในประเทศไทยให้มากขึ้น การแก้ไขกฎระเบียบ และกฎหมาย ที่ล้าสมัย
นายสนั่น ยังกล่าวถึงนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ว่า เอกชนยังมีความกังวล ในการจัดหางบประมาณ และเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่มาก แต่หากสำเร็จคาดว่าจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะยาว จะทำให้จีดีพีโตเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 3% ซึ่งในปีหน้าก็อาจจะได้เห็น จีดีพี ขยายตัวได้ถึง 5% โดยอยากให้แจกเงินดิจิทัล ก่อนสงกรานต์ปี 2567 ซึ่งจะเป็นช่วงเทศกาลที่คนจับจ่ายใช้สอย หากเม็ดเงิน 560,000 ล้านบาท ลงไปถึงมือประชาชน จะทำให้เกิดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น คาดว่าจะมีเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 1.2 - 1.5 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เศรษฐกิจที่ฝืดเคือง จากกำลังซื้อประชาชนที่ลดลง บวกกับเศรษฐกิจโลก และ เศรษฐกิจจีนชะลอตัว กระทบต่อการส่งออกของไทย ส่งผลให้ หน่วยงานด้านเศรษฐกิจ และ สำนักวิจัยต่าง ๆ ประกาศปรับลดอัตราการขายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ในปีนี้ลง
เริ่มจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ ปรับลดประมาณการ GDP ในปีนี้ลงเหลือ 2.5-3.0% จากเดิม 2.7-3.7% โดยมีปัจจัยหลักมาจากการหดตัวอย่างต่อเนื่องถึง 3 ไตรมาส ของการส่งออกไทย
ส่วนสำนักวิจัยกรุงศรีปรับลดประมาณการจีดีพี ปี 2566 เติบโตที่ 2.8% จากเดิมคาด 3.3% จากภาคส่งออก การลงทุน และการใช้จ่ายภาครัฐที่อ่อนแอกว่าคาด
ด้านธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ปรับคาดการณ์ จีดีพี ปี 2566 เช่นกัน เหลือ 3.0% จากเดิม อยู่ที่ 3.0% ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
ด้าน KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจเกียรตินาคินภัทร มองว่าเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงมากกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้ ทำให้ปรับลดจีดีพีปีนี้ ลงจาก 3.3% เป็น 2.8%
โปรแกรมวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย AVC 2023 ไทย พบ จีน รอบชิงชนะเลิศ
ประกาศฉบับที่ 21 เตือน! 34 จังหวัด “ฝนตกหนักถึงหนักมาก”
ออกหมายจับ "อิทธิพล คุณปลื้ม" คดีออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารมิชอบ