เอกชน ห่วงค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจีน ลดราคา ทำลูกค้าชะลอซื้อ
ส.อ.ท. ห่วงค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจีน ลดราคา ทำลูกค้าชะลอซื้อ ขณะที่ยอดผลิตรถยนต์ พ.ค.67 ดิ่งต่อเนื่อง ส่วนยอดขายในประเทศ ติดลบ กระบะหนักสุด หลังเจอหนี้ครัวเรือนสูง แบงก์ไม่ปล่อยสินเชื่อ
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. เปิดเผยว่า ข้อมูลรถยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนใหม่(ป้ายแดง)ในไทย เดือนพฤษภาคม 2567 มีจำนวน 5,270 คัน ลดลง 5.16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีอยู่ 5,557 คัน แต่ 5 เดือนแรกของปี มีกว่า 30,840 คัน เพิ่มขึ้น 28.97% จาก 5 เดือนแรกของปีก่อน ที่มียอดจดทะเบียน 23,912 คัน
นายสุรพงษ์ ระบุว่า ยอดการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงที่เติบโตขึ้นเป็นผลมาจากการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าตามมาตรการ อีวี 3.5
ซึ่งคาดว่า หากโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทยสายมารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกมาได้เพิ่มขึ้น จะทำให้ยอดการจอดทะเบียนถยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
แต่กังวลถึงกรณีที่ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ประกาศ ลดราคารถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่น มากถึง 160,000 บาท จะส่งผลต่อภาพรวมตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแน่นอน ทำให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อ เพราะหวังว่าค่ายรถยนต์จะมีการลดราคาลงมาอีก ขณะเดี๋ยวกันจะทำให้เกิดการแข่งกันลดราคาของค่ายรถยนต์ด้วยกันเอง
ส่วนยอดขายในประเทศ ติดลบ กระบะหนักสุด
ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศ เดือนพฤษภาคม 2567 มีทั้งหมด 49,871 คัน ลดลง 23.38 % จากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว ที่มียอดขาย 65,088 คัน โดยยอดขายที่ลดลง ส่วนใหญ่มาจาก ยอดขายรถกระบะที่ลดลง ซึ่งในเดือนพฤษภาคม 2567 มียอดขายรถกระบะ 14,832 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 33.87% หรือ 22,427 คัน
โดยเป็นผลพวงจาก ปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง สถาบันการเงินไม่อนุมุติสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ทำให้กระทบยอดขายรถยนต์ เพราะกว่า 80% ของการซื้อรถยนต์เป็นการเช่าซื้อ ขณะที่ ยอดขายรถยนต์ 5 เดือนแรก มกราคม - พฤษภาคม 2567 มีทั้งสิ้น 260,365 คัน ลดลง 23.80%
ขณะที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (BEV ) เดือนพฤษภาคม 2567 มีจำนวน 5,117 คัน ลดลง 30.90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มียอดขาย 7,410 คัน ขณะ ยอดขายรวม 5 เดือนแรกของปี 2567 มีจำนวน 28,148 คัน ปรับเพิ่มขึ้น 12.89% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มียอดขาย 24,933 คัน
ส่วนรถยนต์นั่ง HEV เดือนพฤษภาคม มียอดขาย 5,6001 คัน เพิ่มขึ้นเช่นกัน 96.34% หรือ รวม 5เดือน แรก ปี 2567 มียอดขาย 57,264 คัน เพิ่มขึ้น 71.23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยอดการผลิตรถยนต์ลดลง 16.19%
ยอดการผลิตรถยนต์ในเดือนพฤษพาคม 2567 มีทั้งสิ้น 126,161 คัน ลดลง 16.19% เมื่อเทียบกับ ช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ผลิตได้ 150,532คัน ทำให้จำนวนผลิตรถยนต์ทุกประเภท เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2567 มีทั้งสิ้น 644,951 คัน ลดลง 16.88% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ผลิตได้ 775,955 คัน
ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนพฤษภาคม 2567 มีจำนวน 89,284 คัน เพิ่มขึ้น 3.39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าส่งออก 83,754.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.93% ขณะที่ยอดส่งออกในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ (มกราคม – พฤษภาคม 2567) มีจำนวน 429,969 คัน ลดลง 2.28 % มูลค่าการส่งออกรวม 401,637.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.23 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายสุรพงษ์ ยังระบุถึงการปิดประกาศปิดโรงงานผลิตรถยนต์ของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นบางยี่ห้อ ว่า เป็นเพียงการหยุดการผลิตในบางรุ่น เพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลง ที่ไม่คุ้มค่ากับผลิตในประเทศไทยเพราะมีจำนวนน้อย ส่วนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง อยู่ในช่วงของการปรับตัวอาจหันไปผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อรองรับการเข้ามาผลิตในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น
คาด ก.ตร.เล็งเชือด “บิ๊กโจ๊ก” ยกเว้นมีปาฏิหาริย์ ปูด “บิ๊กต่อ” จ่อลาออก!
วิเคราะห์บอล! ยูโร 2024 อังกฤษ พบ สโลวีเนีย 25 มิ.ย.67
สรุปผลแบ่งสาย 12 ทีมวอลเลย์บอลหญิงในศึกโอลิมปิก 2024