“จุลพันธ์” ยืนยันดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ไปต่อ รอชัดเจนอีก 10 วัน
คณะรัฐมนตรี แพทองธาร 1 ออกมาเป็นที่เรียบร้อย ขณะที่โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท นาย จุลพันธ์ ยืนยันว่าจะเดินหน้าต่อ โดยให้รอการแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงภาพรวมการอภิปรายงบประมาณที่ผ่านเมื่อวานนี้ (3 ก.ย.) เป็นไปอย่างราบรื่น แล้วเดินหน้าได้ตามเป้าหมาย โดยในช่วงเช้าการเจรจาระหว่างสองฝ่าย คาดว่าจะเดินหน้าได้ถึง 13 ถึง 14 มาตรา ส่วนการลงมติก็ผ่านการเห็นชอบแต่โดยดี ส่วนการอภิปรายก็มีการหยิบยกข้อสงสัยและข้อห่วงใย รวมถึงมีการลุกขึ้นตอบคำถาม ซึ่งก็คิดว่าน่าจะมีการชี้แจงอย่างครบถ้วน

เมื่อถามถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จะสามารถเรียกความมั่นใจให้กับฝ่ายค้านได้มากน้อยเพียงใด นายจุลพันธ์ เผยว่า อย่างที่ตนได้บอกไปว่า ตนยืนยันได้ว่า นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้แสดงเจตจำนงชัดเจนในการที่จะเดินหน้าโครงการนี้
แต่ในส่วนของรูปแบบอาจจะมีการปรับเปลี่ยนแต่สนามใดที่ยังไม่มีการแถลงนโยบาย และ ถึงแม้ว่าตัวของตนจะรู้โครงสร้างแบบใหม่บางส่วนแล้ว แต่ยังไม่สามารถพูดให้ชัดเจนต้องรอให้กระบวนการครบถ้วน ซึ่งคาดว่าอีกประมาณ 10 วันก็น่าจะรู้เรื่อง คาดว่าจะเป็นวันที่ 15 - 17 กันยายนนี้ ที่จะเป็นการแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งหากเป็นไปตามต่อเวลาก็จะเห็นโครงสร้างของโครงการ ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนอย่างไร
ส่วนเรื่องเม็ดเงินที่ได้มีการเตรียมการเอาไว้ไม่ว่าจะเป็นจากพรบงบประมาณเพิ่มเติม ปี 67 จำนวน 122,000,000,000 บาทกับในส่วนของ งบประมาณ ปี 68 ที่กำลังพิจารณา 187,000,000,000 บาท ก็จะได้รับการนำไปใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจรวมถึงการเติมเงินให้การเติมเงินให้กับประชาชน
เมื่อถามว่า มีความกังวลเรื่องเงินสดอาจจะนำไปใช้ไม่ถูกวัตถุประสงค์ เพราะว่า อาจไม่มีการกระจายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ฐานรากหรือว่าในระดับชุมชน นายจุลพันธุ์ กล่าวว่า ก็มีหลายมุมมองต้องเข้าใจและต้องเข้าใจว่า การดำเนินการนโยบายในลักษณะสาธารณะจะมีหลายมุมมองเกิดขึ้น
ในวันที่เราจะทำรูปแบบดิจิทัลแบบ 100% ก็มีข้อเท็จจริงให้คำนึงถึงกลุ่มผู้บอบบางหรือจะแจกเป็นเงินสดหรือไม่ ซึ่งในที่ประชุมวุฒิสภาก็มีการร้องไห้ให้แจกเงินสด ซึ่งก็เป็นมาตั้งแต่รัฐบาลของเศรษฐารวมถึงยุคของนางสาวแพทองธาร ที่รับฟังเสียงของทุกฝ่าย
เมื่อถามว่า การดำเนินโครงการนี้จะต้องเป็นในลักษณะไหนถึงจะ ทำให้การใช้จ่ายง่ายขึ้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ตนยังไม่อยากจะตอบ เพราะว่า อยากให้รอถึงวันที่ 15-17 กันยายนนี้ แต่สิ่งที่จะต้องปรับเปลี่ยน ในประเด็นแรกเพื่อกลไกในการเดินหน้ารัฐบาล ในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยเต็มไปด้วยนักร้อง พอเกิดการร้องก็ไม่ได้ทำให้เกิดข้อสะดุดติดขัด เฉพาะในส่วนของรัฐบาลเท่านั้น แต่ยังกระทบไปถึงชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในเรื่องของเศรษฐกิจในเรื่องของปากท้อง
เพราะเวลามีเรื่องร้องเข้ามา ต้องใช้เวลาเป็นปี และทำให้ความเชื่อมั่นในเรื่องของการบริโภค ในเรื่องของการลงทุน การเดินหน้าชีวิตติดขัด วันนี้อะไรที่เป็นประเด็นเสี่ยง มองว่า รัฐบาลของนางสาวแพทองธาร ควรจะพิจารณาปรับให้มีความปลอดภัยมากขึ้น
อีกประเด็นคือมีข้อห่วงใยและข้อสังเกตจากหน่วยงานของรัฐในบางส่วน รวมถึงพรรคฝ่ายค้าน ในเรื่องของการปรับเปลี่ยนรูปแบบบางส่วนให้เกิดประโยชน์โดยเร็วในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้เกิดเป็นเม็ดเงินให้พี่น้องประชาชนได้นำไปจับจ่าย เพราะฉะนั้นเรื่องของการปรับเปลี่ยนเป็นไปได้ซึ่งเป็นสิ่งที่ชัดขึ้นในเรื่องของเงินสดแต่สุดท้ายจะเป็นอย่างไร ขอให้มีการพิจารณาร่วมกันระหว่างพรรครัฐบาลที่มีการถกกัน ซึ่งเมื่อวานนี้ก็เพิ่งได้รับหนังสือจากพรรคภูมิใจไทยในเรื่องของแนวนโยบาย ซึ่งต้องนำทั้งหมดนี้มาพิจารณากัน เพื่อให้เป็นแนวนโยบายแห่งรัฐที่ทุกคนยอมรับได้
จะเดินหน้าต่อ ตนไม่ได้หมายความว่า จะไม่มีโครงการในลักษณะของดิจิทัลวอลเล็ต10,000 บาท แต่ก็ต้องมาดูรายละเอียดกันอีกครั้ง ว่า การทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่มีอีกหนึ่งวัตถุประสงค์คือ การสร้างโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจดิจิทัล ให้กับประเทศไทย เพราะฉะนั้นตรงนั้นเราก็ยังไม่อาจละเลยได้ และยังเป็นอีกหนึ่งจุดประสงค์ที่เรายืนยัน แต่รูปแบบจะเปลี่ยนอย่างไรให้มันบรรลุวัตถุประสงค์ที่น่าพึงพอใจ
เมื่อถามว่า การปรับเปลี่ยนรูปแบบจะมีผลต่อแรงส่งพายุหมุนที่ตั้งไว้หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า แน่นอน แต่อย่างที่บอกว่า การปรับเปลี่ยนอะไรก็ตาม มันมีทั้งผลบวกและผลลบในตัวของมันเอง ซึ่งเราต้องหาความสมดุลย์เพื่อให้โครงการเดินหน้า แล้วบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ได้มีการวางไว้ตั้งแต่เบื้องต้น คือการกระตุ้นเศรษฐกิจ การสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจดิจิทัล ว่า จะทำอย่างไรให้ทุกอย่างอยู่ในระดับที่ยอมรับได้