ผู้พิการกว่า 9 หมื่นคน โอนเงินหมื่นไม่ผ่านขอให้เร่งแก้ไขก่อน 22 ธ.ค.
คลัง เผย เช้านี้โอนเงินสำเร็จ 3,167,565 รายพบยังมีผู้พิการกว่า 9 หมื่นคน ยังโอนไม่ผ่านขอให้เร่งแก้ไขก่อน 22 ธ.ค.
ภายหลังการแถลงข่าวเปิดตัว (Kick Off) การโอนเงินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวเพิ่มเติม
นายพิชัย กล่าวว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจมีความจำเป็นของประเทศในระยะนี้ เพราะประเทศไทยตกอยู่ในสภาวะทางเศรษฐกิจที่ตกต่ำมาอย่างยาวนาน
แม้แต่จะเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านก็ยังตกต่ำกว่าทั้งจากสถานการณ์ภายในและภายนอกประเทศ ส่งผลให้เกิดช่องว่างระหว่างรายได้ จนทำให้เม็ดเงินหายโดยเฉพาะคนกลุ่มล่าง กลุ่มใช้แรงงานและกลุ่มที่ไม่มีโอกาสในการเข้าถึง รัฐจึงเห็นความจำเป็นว่านอกจากจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตแข่งขันกับโลกได้ ยังต้องเร่งเยียวยาและดูแลประชาชน โดยแยกตามกลุ่ม เพื่อดูว่าจะดูแลอย่างไร
เช็กสิทธิรัฐจ่าย เงินดิจิทัล 10000 บาท ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ-ผู้พิการ ล็อตสอง 4.51 ล้านคน
โปรแกรมแข่งวอลเลย์บอลสโมสรหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2024 รอบก่อนรองชนะเลิศ
เพื่อการกระตุ้นเพิ่มรายได้ ลดค่าใช้จ่าย ดังนั้นเม็ดเงินจำนวนนี้เป็นการ เติมเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งประชาชนรอคอย ก็หนีมานาน ซึ่งเม็ดเงินจำนวน 145,000 ล้านบาทใหญ่มากพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้
นายจุลพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า ยอดเงินทั้งหมดที่จะโอนให้กับกลุ่มเปราะบางและผู้พิการในวันนี้ จำนวน 3,167,565 ราย เริ่มโอนตอนเที่ยงคืนสำเร็จทั้งหมดตอน 07.00 น.วันนี้ และวันนี้นอกจากการโอนเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ยังมีการโอนเงินเดือนข้าราชการด้วย ทำให้ระบบอาจจะช้านิดหนึ่ง แต่กระบวนการทั้งหมดเป็นไปด้วยความราบรื่น
ขณะที่กระบวนการตรวจสอบสิทธิ์เราได้แจ้งไปแล้ว เช่น แอพพลิเคชั่นรัฐจ่าย ของกรมบัญชีกลาง สามารถตรวจสอบสวัสดิการได้หลายประเภท ทั้งคนพิการและกลุ่มบัตรสวัสดิการ แต่หากคนที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบต่อไป
อย่างไรก็ตาม วันนี้ยังพบว่ายังมีกลุ่มสวัสดิการที่ยังไม่ได้ผูกพร้อมเพย์ ก็ขอให้เร่งไปดำเนินการผ่านทางธนาคารที่มีบัญชี ส่วนในกลุ่มผู้พิการยังมีอีกราว 90,000 คน ยังมีสถานะที่ต้องแก้ไข เช่น บัตรผู้พิการหมดอายุ บัตรผิดพลาด และยังไม่ได้เชื่อมช่องทางในการจ่ายเงิน ซึ่งต้องเร่งประสานทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้เร่งแก้ไขให้เรียบร้อย เพราะเราจะมีการโอนซ้ำอีกสามครั้ง คือวันที่ 22 ตุลาคม-22 พฤศจิกายน และ 22 ธันวาคมเป็นครั้งสุดท้าย หากดำเนินการแก้ไขไม่ทันวันที่ 22 ธันวาคมก็ถือว่าสละสิทธิ์
ส่วนคนพิการที่ไม่สามารถมาดำเนินการด้วยตนเองได้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มีเจ้าหน้าที่ประจำพื้นที่อยู่แล้ว เพื่อดูว่ามีคนตกหล่นหรือไม่แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นยืนยันว่าไม่มีคนตกหล่น
ขณะที่นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า วันนี้จะเห็นถึงความคึกคักที่เกิดขึ้นกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ ทั้งในตลาด และหน้าตู้ ATM ซึ่งบางคนไปกดเงินจากตู้ ATM ได้รับเงิน 10,000 บาทแต่ในบัญชีมีเงินอยู่ 10,010 บาท ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่เปราะบางมากจริงๆไม่มีเงินเก็บเลย ดังนั้นเงินที่โอนเข้าสู่บัญชีในวันนี้เป็นไปได้สูงว่าจะถูกนำไปใช้ทั้งหมด ซึ่งจากการสำรวจพบว่าจะมีการดำเนินไปใช้กับปัจจัย 4 ทั้งอาหารเพื่อนนุ่งห่ม รวมถึงเครื่องมือสำหรับคนพิการ นอกจากนี้ยังมีรวมเงินของคนในครอบครัวเพื่อนำไปใช้ซื้อสินค้าคงทน
เมื่อถามว่าหากประชาชนนำเงินที่ได้ไปใช้หนี้ ก็จะไม่ตอบโจทย์เรื่องของการ กระตุ้นเศรษฐกิจใช่หรือไม่ นายเผ่าภูมิ ย้ำว่าส่วนใหญ่นำไปใช้จ่าย ซึ่งเป็นปัจจัยแรกที่ประชาชนจะใช้ เพราะคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเปราะบางจริงๆ แม้กระทั่งเงินในการดำรงชีพในแต่ละวันยังไม่พอ จึงต้องนำเงินไปใช้ สำหรับการดำรงชีวิตปัจจัย 4 เป็นเรื่องแรก
ส่วนเรื่องเจ้าหนี้นอกระบบและมาเฟียจะมีการดูแลเรื่องนี้หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า การแก้ไขหนี้นอกระบบทางกระทรวงมหาดไทยเป็นแม่งานร่วมกับกระทรวงการคลัง เราเดินหน้าตั้งแต่สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน ยังไม่ได้หยุดดำเนินการ และความคืบหน้าการทำงานเรื่องนี้ยังคงเข้มข้น เรายืนยันว่าการปราบปรามเจ้าหนี้นอกระบบที่คิดดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนดเป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสนใจ ขณะนี้เงินเข้าถึงมือประชาชนกลุ่มเปราะบางขอโอกาสให้เขาได้ใช้ เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ต่อชีวิต
ซึ่งการโอนเงินครั้งนี้ นอกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว วันนี้จะเป็นว่าตลาดสด ตลาดค้าส่งค้าปลีกจะมีความคึกคักเป็นอย่างมาก และกลุ่มเปราะบาง ยังถือเป็นการจุนเจือ ลดภาระค่าครองชีพ ดังนั้นขอโอกาสที่เขาจะได้นำไปใช้สร้างชีวิต ช่วยเหลือครอบครัว หากมีข่าวสารเรื่องหนี้นอกระบบเข้ามามาทวง ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด ซึ่งตนมีโอกาสได้คุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะนำเรียนและช่วยให้กระชับพื้นที่ด้วย
เมื่อถามถึงการตรวจสอบสถานะผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นายจุลพันธุ์ กล่าวว่าจะมีการทบทวนทุกสองปี ซึ่งรอบหน้าจะมีการทบทวนในเดือนตุลาคม 2568 แม้จะถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้สิทธิ์ในรอบนี้ เพราะหากบัตรนั้นไม่ได้อยู่ในกรอบที่จะได้รับสิทธิ์ในรอบนี้ก็ถือว่าไม่นับ เพราะฉะนั้นต้องดูว่าในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐยังได้รับการโอนเงินช่วยเหลือรายเดือนในทุกเดือนอยู่หรือไม่