"ธ.ก.ส." ลุย! มาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 67/68
"ธ.ก.ส." ลุย! มาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 67/68 ลงพื้นที่จ.สุรินทร์ วัดยุ้งฉาง เยี่ยมเกษตรกร พร้อมชู! "สกต.สุรินทร์" ต้นแบบดำเนินงานครบวงจร ตั้งเป้า รองรับปริมาณข้าวเปลือกได้รวมกว่า 4.5 ล้านตัน
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ลงพื้นที่ขับเคลื่อนมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 2567/68 ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ได้แก่ สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี และสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร และได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ รวมทั้งร่วมวัดยุ้งฉางที่เกษตรกรใช้เก็บข้าวเปลือกในช่วงชะลอการจำหน่าย เพื่อประเมินคุณสมบัติและพิจารณาวงเงินให้กู้

โดยมีเกษตรกรผู้มีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ กว่า 600 ราย วงเงินรวม 50 ล้านบาท
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธ.ก.ส. เปิดเผยว่า ตามที่ ธ.ก.ส. ได้ดำเนินมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ ปีการผลิต 2567/68 ตามนโยบายรัฐบาล กรอบวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท ผ่านสินเชื่อ 2 โครงการ ได้แก่ สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2567/68 กรอบวงเงินรวม 35,000 ล้านบาท และสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2567/68 กรอบวงเงินรวม 15,000 ล้านบาท เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกในตลาด ป้องกันปัญหาผลผลิตล้นตลาดที่ส่งผลให้ราคาข้าวตกต่ำ รวมถึงเสริมสภาพคล่องให้แก่เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2567/68 และสถาบันเกษตรกรที่รับรวบรวมข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2567/68 ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำและมีเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานประกอบอาชีพและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามจำเป็นในระหว่างชะลอการขายข้าวเปลือก
นอกจากนี้ สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ธ.ก.ส. ยังพร้อมสนับสนุนค่าฝากเก็บ และรักษาคุณภาพข้าวเปลือกให้เกษตรกรอีก 1,500 บาทต่อตัน กรณีเกษตรกรเก็บข้าวเองได้รับ 1,500 บาทต่อตัน กรณีเกษตรกรฝากข้าวกับสถาบันเกษตรกร เกษตรกรจะได้รับ 500 บาทต่อตัน และสถาบันฯ จะได้รับ 1,000 บาทต่อตัน ซึ่งคาดการณ์ว่า โครงการดังกล่าวจะสามารถรองรับปริมาณข้าวเปลือกได้รวมกว่า 4.5 ล้านตัน "ถึงแม้ว่าการ ดำเนินการมาตรการดังกล่าวจะล่าช้าไปบ้าง แต่ก็ยังคงอยู่ในเวลาที่กำหนด ซึ่งเรื่องนี้ ธ.ก.ส. จะนำปัญหาไปแก้ไขการดำเนินงานในปีหน้า เพื่อรองรับข้าวเข้าสู่ตลาด แต่สำหรับการดำเนินงานในปีนี้ ธ.ก.ส. จะพยายามเร่งให้เสร็จภายในเดือนมกราคม 68 และจะจ่ายเงินงวดสุดท้ายให้ทันภายในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 68 ซึ่งยังไม่มีความกังวลในเรื่องของงบประมาณ เพราะการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินมาตรการดังกล่าวนั้น จะเพียงพอต่อพี่น้องเกษตรกรที่เข้าร่วมมาตรการอย่างแน่นอน" นายฉัตรชัย กล่าว
นอกจากนี้ นายฉัตรชัย พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้เดินทางไปตรวจการดำเนินงานของสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. สุรินทร์ จำกัด หรือ สกต. สุรินทร์ ซึ่ง สกต.สุรินทร์ถือเป็นต้นแบบสหกรณ์การเกษตร ขนาดใหญ่พิเศษ ที่มีสมาชิกกว่า 120,500 คน และมีชื่อเสียงในการดำเนินงานด้านการรับซื้อ - รวบรวมผลผลิตข้าวจากสมาชิกเกษตรกรในพื้นที่ และการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิต โดยเริ่มจากการรับซื้อข้าวเปลือก ทั้งข้าวสดและข้าวแห้ง จากสมาชิกเกษตรกร
โดยให้ราคาเฉลี่ยสูงกว่าตลาด เฉลี่ยตันละ 12,000 – 15,000 บาท เพื่อเป็นการสร้างรายได้ที่มั่นคงและลดความกังวลด้านความผันผวนของราคาข้าวในตลาดให้กับเกษตรกรในพิ้นที่
โดย สกต.สุรินทร์ ได้เข้าร่วมมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ในปีการผลิต 2566/67 ซึ่งสามารถรวบรวมข้าวได้ปริมาณกว่า 102,000 ตัน เป็นเงินกว่า 1,249 ล้านบาท ส่วนปี 2568 สกต.สุรินทร์ ได้เข้าร่วมโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2567/68 ภายใต้วงเงินให้กู้กว่า 200 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายการรับซื้อข้าวสดจากสมาชิกเกษตรกร ราคาเฉลี่ยตันละ 12,000 บาท ซึ่งคาดการณ์ว่า จะสามารถรวบรวมข้าวเปลือกในรูปแบบของข้าวสดได้ เป็นจำนวนกว่า 80,000 ตัน เป็นเงินจำนวน 964 ล้านบาท
ทางด้านนางประกอบ เกลียวขาว เกษตรกรผู้ปลูกข้าว และสมาชิกทำข้าวพันธุ์ สกต. กล่าวว่า ตนเองเข้าร่วมโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร มากว่า 7 ปี โดยในปีนี้ตนเองตั้งใจเก็บข้าวเปลือกไว้ เพื่อรอนำข้าวมาเข้าตามโครงการฯ ปีการผลิต 2567/68 ซึ่งนางประกอบระบุว่า ที่ตัดสินใจนำข้าวมาขายให้กับ สกต. เพราะมีการระบุราคาที่ชัดเจน และให้ราคาที่ดีกว่าโรงสีทั่วไป ซึ่งเกษตรกรผู้ปลูกข้าวมองว่า ได้ค่าตอบแทนที่คุ้มค่าและเป็นธรรมมากกว่า และสำหรับราคาข้าวในปีนี้ถือว่าเป็นที่น่าพึงพอใจ เพราะราคาดีกว่าปีที่แล้ว จาก 17 บาท / กิโลกรัม แต่ปีนี้ราคาข้าวอยู่ที่ 18.50 บาท / กิโลกรัม
ทั้งนี้สำหรับผู้ที่สนใจ เข้าร่วมโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2567/68 กับ สกต. ต้องมีเงื่อนไข ดังนี้
1.เป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวและขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปี 2567/68 กับกรมส่งเสริมการเกษตรและผลผลิต โดยข้าวเปลือกยังเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง
2.ต้องไม่ซ้ำซ้อนกับเกษตรกรผู้กู้เงินตามโครงการฯนี้กับ ธ.ก.ส.
3.เกษตรกรจะต้องไม่ผิดเงื่อนไข โครงการรับจำนำหรือโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกของปีการผลิตที่ผ่านผ่านมา
และ 4.มีการกำหนดวงเงินที่ขายได้ไม่เกินรายละ 300,000 บาทและเป็นการขายขาดให้กับ สกต. สุรินทร์
โดยมีกรอบระยะเวลาการรวบรวมข้าวเปลือกตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2568 เป็นต้นไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง