“ลำไยไทย” โด่งดัง! ชนะใจตลาดจีน นำเข้าอันดับ 1
“พาณิชย์” เผยชาวเซี่ยเหมินถูกใจ “ลำไยไทย” แนะคุมคุณภาพ หลัง 9 เดือนแรกปี 67 นำเข้าผลไม้กว่า 100,000 ตัน จากไทยอันดับ 1 ชี้ “ทุเรียน” มีโอกาสไม่แพ้กัน
น.ส.สุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการสำรวจลู่ทางการค้าลำไยไทยในจีน ณ เมืองเซี่ยเหมิน พบว่ามีโอกาสขยายตัวเพิ่มมากขึ้น แม้จีนจะหันมาปลูกลำไย แต่ต้นทุนการปลูกและแปรรูปสูงขึ้น ทำให้พื้นที่ปลูกลดลง จึงต้องนำเข้า โดยลำไยอบแห้งที่เมืองเซี่ยเหมินนำเข้าส่วนใหญ่มาจากไทย เพราะมีรสชาติหวาน หอม ผลใหญ่ เมล็ดเล็ก จึงเป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภคชาวจีน ส่วนใหญ่บริโภคโดยตรงหรือเป็นส่วนประกอบในอาหารแปรรูป เช่น อาหารกระป๋อง

ในช่วง 9 เดือนปี 2567 (ม.ค.-ก.ย.) เมืองเซี่ยเหมินนำเข้าผลไม้รวม 101,500 ตัน มูลค่า 1,470 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 61.39% และปริมาณผลไม้ที่นำเข้าสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ลำไย (รวมถึงลำไยแห้ง/เนื้อและลำไยสด) ทุเรียนสด และมะพร้าวแห้ง มีปริมาณนำเข้า 27,000 ตัน 19,800 ตัน และ 12,300 ตัน ตามลำดับ รวมกันคิดเป็น 58.25% ของการนำเข้าผลไม้ทั้งหมด
ส่วนประเทศที่เมืองเซี่ยเหมินนำเข้าผลไม้ คือ ไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย โดยในช่วง 9 เดือนปี 2567 เซี่ยเหมินนำเข้าผลไม้จากไทย 40,300 ตัน เวียดนาม 25,800 ตัน และอินโดนีเซีย 12,900 ตัน และยังเริ่มมีการนำเข้าจาก สปป.ลาว สาธารณรัฐมาลี และฝรั่งเศสเพิ่มขึ้น

ช่องทางการนำเข้าปัจจุบัน
การนำเข้าผลไม้มายังเมืองเซี่ยเหมินใช้วิธีการขนส่ง 3 รูปแบบ ได้แก่ ทางน้ำ ทางถนน และทางอากาศ โดยการขนส่งทางน้ำมีสัดส่วนมากที่สุด โดยในช่วง 9 เดือน ปี 2567 เมืองเซี่ยเหมินนำเข้าผลไม้ทางน้ำจำนวน 82,500 ตัน คิดเป็น 81.3% ของปริมาณผลไม้นำเข้าทั้งหมด การนำเข้าทางถนนและทางอากาศมีปริมาณ 18,900 ตัน และ 39.84 ตัน ตามลำดับ
ลำไยถือเป็นผลไม้ส่งออกศักยภาพของไทย โดยเมืองเซี่ยเหมินมีการนำเข้าลำไย ทั้งแห้งและสด ปริมาณสูงเป็นอันดับที่ 1 ติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการไทยต้องรักษาคุณภาพ มาตรฐาน เพื่อรักษาความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคในจีน และหาพันธมิตรใหม่ ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง และ ดำเนินการตามกฎระเบียบการนำเข้าอย่างเคร่งครัด อย่าสำแดงราคาต่ำเกินราคากลางของศุลกากรจีน ซึ่งถือเป็นความผิดทางกฎหมายอย่างรุนแรง และเป็นที่น่าสังเกต เซี่ยเหมินมีการนำเข้าทุเรียนสดเพิ่มมากขึ้น รองจากลำไย ถือเป็นโอกาสดีที่ผู้ประกอบการไทยจะขยายตลาดทุเรียนได้เพิ่มขึ้นด้วย.....น.ส.สุนันทา กล่าว