เสียงเอกฉันท์ สภารับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วมฯ

การประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่มีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง เป็นประธานในที่ประชุมวาระพิจารณาเรื่องด่วน ร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม โดยเป็นร่างที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ และร่างที่นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส. พรรคประชาชนและคณะเป็นผู้เสนอ

นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมลุกขึ้นชี้แจงหลักการและเหตุผล เพื่อเป็นการสนับสนุน

การให้บริการขนส่งสาธารณะ ทั้งรถไฟ รถไฟรถไฟฟ้า รถเมล์ เรือโดยสาร ซึ่งจัดทำมาตรฐานทางเทคโนโลยีของระบบตั๋วร่วมเป็นมาตรฐานกลาง มีการกำหนดอัตราโดยสารร่วม จัดตั้งกองทุนส่งเสริมระบบร่วม รวมถึงการกำหนดเกี่ยวกับผู้ประกอบการที่จะมีสิทธิ์ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมระบบตัวจะต้องได้รับอนุญาตตามกฏหมายฉบับนี้ และในกรณีมีความจำเป็นให้ตราพระราชกฤษฎีกากำหนดให้การประกอบกิจการขนส่งสาธารณะใดเป็นกิจการที่ต้องใช้ระบบร่วม และต้องได้รับอนุญาตตามกฏหมายฉบับนี้  ในร่างกฎหมายมี 7 หมวด และบทเฉพาะกาล 54 มาตรา

เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายและหน่วยความสะดวกให้กับประชาชนโดยการใช้บัตรโดยสารใบเดียวเดินทางได้ทุกระบบของการบริการขนส่งสาธารณะ อันเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทางจากขนส่งส่วนบุคคลมาเป็นการเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะโดยเป็นเป้าหมายหลักของรัฐบาล : นางมนพร

ขณะเดียวกันนายสุรเชษฐ์ กล่าวถึงหลักการและเหตุผลของร่างกฎหมายที่ได้เสนอ โดยสรุปถึงข้อแตกต่างระหว่างร่างของรัฐบาลและร่างของพรรคประชาชน เพื่อชี้เห็นว่าเหตุใดถึงต้องใช้ร่างของพรรคประชาชนเป็นร่างหลัก เช่น คำว่าตั๋วร่วมกับค่าโดยสารร่วม

ซึ่งคำว่า “ค่าโดยสารร่วม” จะส่งผลโดยตรงชีวิตประชาชน  หรือ กรณี ตั๋วร่วม 20 บาทของพรรคเพื่อไทยซึ่งหมายถึงเฉพาะรถไฟรถไฟฟ้า  แต่ค่าโดยสารร่วมตามข้อเสนอของพรรคประชาชนมีราคา 8- 45 บาทที่รวมถึงทั้งรถไฟรถไฟฟ้ารถเมล์เรือ โดยจะต้องเขียนกฎหมายให้ครอบคลุมกับบริการสาธารณะทั้งหมดของประเทศ

ร่างพรรคประชาชนมีนิยามที่ชัดเจนขึ้นการครอบคลุมและสับสน เพิ่มสัดส่วนผู้แทนประชาชนในคณะกรรมการนโยบายระบบร่วม ร่างพรรคประชาชนเพิ่มความชัดเจนและกลไกคำนึงถึงการบังคับใช้จริง เพิ่มหน้าที่ผู้ประกอบการระบบร่วมให้เปิดเผยสถานะทางการเงิน เพิ่มความชัดเจนในการใช้เงินกองทุน โดยมุ่งหวังสร้างสมดุลย์การอุดหนุนบริการขนส่งสาธารณะพร้อมคำนึงถึงภาระทางการคลังระยะยาว  : นายสุรเชษฐ์กล่าว

โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้อภิปรายแสดงความเห็นที่หลากหลายกว้างขวาง ท้ายที่สุดที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติ เห็นด้วย เป็นมติเอกฉันท์ 367 ไม่เห็นด้วยไม่มี  และงดออกเสียง 1 โดยตั้งกรรมาธิการ 31 คนพิจารณาศึกษา ให้แปลญัตติภายใน 15 วัน โดยที่ประชุมเห็นชอบให้ใช้ร่างของคณะรัฐมนตรีเป็นร่างหลักในการพิจารณา