พณ.พบ "ไชน่า เรลเวย์ 10" คว้างานรัฐ 26 แห่ง ส่งต่อ "ดีเอสไอ - มหาดไทย" สอบต่อ

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบบริษัท 2 แห่งที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ พังถล่มหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว

นายพิชัย กล่าวว่า การตรวจสอบ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด พบว่ามีชาวจีนถือหุ้นในสัดส่วน 49% นอกจากนั้นพบว่า บริษัทนี้มีความเชื่อมโยงกับอีก 13 บริษัท โดยปรากฎข้อมูลว่ามีการรับงานไปแล้ว 26 โครงการ มูลค่ารวมหลักหมื่นล้านบาท

นายพิชัย กล่าวว่า ทั้ง 26 โครงการเป็นโครงการที่มีมูลค่าตั้งแต่ 100 - 9,348 ล้านบาท ทั้งหมดเป็ฯโครงการของรัฐ กระจายอยู่ทั่วประเทศ

 

เนื่องจากกรณีดังกล่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้รับเป็นคดีพิเศษแล้ว กระทรวงพาณิชย์จะส่งรายละเอียดให้ดีเอสไอตรวจสอบต่อไป ส่วน 26 โครงการที่มีชื่อ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เข้าไปเกี่ยวข้องนะ จะประสานให้กระทรวงมหาดไทย กรมโยธาธิการและผังเมือง เข้าตรวจสอบอาคารทั้งหมดต่อไป

นายพิชัย กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ส่งผลให้อาคารสำนักงาน สตง. ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างพังถล่มลงมา โดยการก่อสร้างดำเนินการโดย กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด

ทั้งนี้ มีรายงานว่าผู้เชี่ยวชาญที่ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างวัสดุก่อสร้างจากที่เกิดเหตุ พบว่าวัสดุบางส่วนเป็นของ บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ทำให้เกิดข้อสงสัยว่านิติบุคคลทั้งสองรายนี้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เบื้องต้นบริษัทนี้ตรวจสอบพบว่ามีชาวจีนถือหุ้นในสัดส่วน 80% และมีความเชื่อมโยงกับอีก 24 บริษัท จึงได้ส่งรายละเอียดให้ดีเอสไอตรวจสอบต่อไป

ด้าน นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวย้ำว่า ดีเอสไอรับคดีนี้เป็นคดีพิเศษแล้ว และทุกหน่วยงานต้องนำข้อมูลทั้งหมดให้ DSI ตรวจสอบ โดยมีการดำเนินการดังนี้

1. กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตรวจสอบ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด รวมถึงเครือข่าย 13 บริษัท พร้อมป้อนข้อมูลให้ DSI
2. สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินของบริษัท ผู้ถือหุ้น และผู้เกี่ยวข้อง
3. กรมสรรพากร ตรวจสอบการเสียภาษีของบริษัทและผู้ถือหุ้นทั้งหมด
4. สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ตรวจสอบคุณภาพเหล็กและอุปกรณ์ที่ใช้ก่อสร้าง
5. กรมการจัดหางาน ตรวจสอบใบอนุญาตทำงานของแรงงานต่างด้าว
6. กรมโรงงานอุตสาหกรรม ตรวจสอบโรงงานผลิตเหล็ก
7. กรมที่ดิน ตรวจสอบการถือครองที่ดินของคนไทยและต่างชาติ
8. กรมบัญชีกลาง ตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้าง

ซึ่งขณะนี้ดีเอสไอได้เดินหน้าสืบสวนรายละเอียดเพิ่ม หากพบมีความผิดจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป