เอกชน กังวล ! สินค้าราคาถูก ทะลักเข้าไทย หลังสหรัฐขึ้นภาษีอ่วม
เอกชน กังวล ! สินค้าราคาถูก ทะลักเข้าไทย หลังสหรัฐขึ้นภาษีอ่วม คาด! เสียหายเพิ่ม 2-3 เท่าจาก 7-8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ แนะรัฐเร่งเจรจา
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีที่สหรัฐฯประกาศเก็บภาษีนำเข้าจากไทยเพิ่ม 36% ยอมรับว่า มีความตกใจ เพราะตัวเลขที่ออกมาเกินที่คาดการณ์ไว้มากกว่า 2 เท่า จึงต้องมีการวางแผนรับมือและหามาตรการแก้ไข เพื่อบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า แนวทางของโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มี 2 เรื่องใหญ่ คือ

1. การดึงการลงทุนไปสร้างโรงงาน และทำให้เกิดการจ้างงานในสหรัฐฯ
2.การขาดดุลการค้ากับ ประเทศคู่ค้า โดยทรัมป์มองว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เป็นธรรมกับสหรัฐฯ จึงเป็นที่มาของการประกาศ กำหนดภาษีศุลกากรตอบโต้ หรือ Reciprocal Tariff
เรื่องที่ประเมินไว้ว่าไทยจะได้รับผลกระทบต้องมีการหารือกันว่าวิธีคิดของสหรัฐฯคืออะไร เพราะขณะนี้ยังไม่ชัดเจน รวมถึงต้องหาแนวทางการเจรจาต่อรอง ซึ่งการลดดุลการค้าเช่น การที่ไทยจะซื้อสินค้าจากสหรัฐฯเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าวโพดและเนื้อสัตว์ รวมถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องมือสื่อสารต่างๆ ซึ่งเป็นสินค้าไฮเทค เชื่อว่าหากไทยทำได้ก็จะลดแรงกดดันตรงนี้ได้
ซึ่งการเข้าประชุมร่วมกับกระทรวงการคลัง โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน จะมีการพูดคุยกันในประเด็นดังกล่าว เนื่องจากอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้น 36% สร้างความประหลาดใจมาก เพราะแต่เดิมคาดการณ์ไว้ว่าค่าเฉลี่ยการปรับขึ้นภาษีนำเข้าครั้งนี้จะอยู่ที่ 11% ซึ่งมีผลกระทบเพียง 7-8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ถือว่าเพิ่มขึ้นมาประมาณ 2-3 แสนล้านบาท แต่ตอนนี้เพิ่มขึ้นถึง 2-3 เท่า ถือว่าไทยได้รับผลกระทบมาก
ส่วนกรณีที่ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะทำงานนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา บอกว่าจะนำข้อเจรจาไปต่อรองกับสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลดภาษีสินค้านำเข้าบางประเภท และยอมให้ไทยไปลงทุนด้านพลังงานที่สหรัฐฯ ภาคเอกชนมองอย่างไรนั้น นายเกรียงไกรระบุว่าแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ต้องไปพูดคุย แต่ตอนนี้มาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี หรือ Non-tariff barriers to trade ตรงนี้ตีความได้หลายอย่าง จึงต้องมีการพูดคุยกันว่าจะทำอะไรให้สหรัฐฯพอใจได้บ้าง
สิ่งที่ภาคภาคเอกชนกังวลมากที่สุดตอนนี้คือปัญหาสินค้าราคาถูกทะลักเข้าไทย เพราะส่งออกไปยังสหรัฐฯไม่ได้ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะจีนประเทศเดียว แต่ต้องจับตาอีกหลายประเทศที่มีสินค้าประเภทเดียวกันที่มีราคาถูก เช่น เวียดนาม อินเดีย ซึ่งอาจทะลักเข้ามาในไทย ถือเป็นผลกระทบทางอ้อมที่ควรให้ความสำคัญในการเจรจา เพื่อไม่ให้กระทบต่อภาคอุตสาหกรรมที่กำลังย่ำแย่