กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ลุย ปราบ "นอมินี" วางเป้าตรวจสอบเกือบ 50,000 ราย
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ปรับแผนตรวจสอบ "นอมินี" ปี 68 เพิ่มการตรวจจาก 3 เป็น 6 กลุ่มเสี่ยงสูง ที่ต่างชาติใช้คนไทยเป็นนอมินีตั้งธุรกิจ
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ปรับแผนตรวจสอบ "นอมินี" ปี 68 เพิ่มการตรวจจาก 3 เป็น 6 กลุ่มเสี่ยงสูง ที่ต่างชาติใช้คนไทยเป็นนอมินีตั้งธุรกิจ เข้ามาประกอบธุรกิจโดยผิดกฎหมาย ได้แก่
- ธุรกิจท่องเที่ยวและที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ ภัตตาคาร ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก
- ธุรกิจค้าที่ดิน อสังหาริมทรัพย์
- ธุรกิจ e-Commerce ขนส่ง และคลังสินค้า
- ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท
- ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการเกษตร
- ธุรกิจก่อสร้างทั่วไป

สำหรับปี 2568 จะมีเป้าตรวจสอบทั้งปี อยู่ที่ 46,918 ราย ซึ่งจะเน้นตรวจสอบขาวต่างชาติที่มีสัดส่วนการถือหุ้นตั้งแต่ 0.01-49.99% ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มตรวจสอบไปแล้วประมาณ 1,000 ราย โดยจะลงพื้นที่ร่วมกับคณะทำงานฯ และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบ ขณะเดียวกัน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ร่วมกับ ปปง. เตรียมออกกฎหมายยึดทรัพย์บุคคลที่ช่วยเหลือ สนับสนุน และร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวซึ่งถือว่าผิดกฎหมาย เพื่อตัดวงจรนอมินีทำลายชาติให้เห็นผลเป็นรูปธรรม
นางอรมน กล่าวต่อว่า ในแผนการตรวจสอบนอมินีประจำปีนี้ ยังรวมถึงการตรวจสอบธุรกิจที่มีผู้แจ้งเบาะแสเข้ามายังกรมพัฒน์ฯ และธุรกิจที่เป็นกระแสข่าวในปัจจุบันว่าพบกลุ่มคนต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจโดยผิดกฎหมายอาศัยนอมินีคนไทยด้วย ซึ่งส่วนใหญ่พบว่า จะอยู่ในบริเวณ กรุงเทพ และปริมณฑล เป็นหลัก เช่น ย่านพระราม 9 กรุงเทพกรีฑา และรัชดาภิเษก
สำหรับสถิติประเภทธุรกิจที่มีการร้องเรียนเข้ามามากที่สุด คือ อุตสาหกรรมเหล็ก และธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ และการก่อสร้าง ร้านอาหาร เป็นส่วนใหญ่ ส่วนการตรวจสอบกรณีการถือครองที่ดินเพื่อการเกษตร จะพบในพื้นที่จังหวัดระยองและจันทบุรี เป็นต้น
นอกจากนี้ นางอรมน ระบุว่า ล่าสุด กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และสำนักงาน ปปง. ได้ร่วมกันพิจารณายกร่างกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสร็จแล้ว โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเพิ่มเติมให้คนไทยที่ให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือร่วมประกอบธุรกิจกับคนต่างด้าว หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในธุรกิจที่อยู่ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 หรือคนต่างด้าวที่ยอมให้คนไทยกระทำการแทนดังกล่าว ตามมาตรา 36 (ความผิดฐานนอมินี)
และกรณีที่คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 37 เป็นความผิดมูลฐาน ตามร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งจะนำไปสู่การยึด อายัดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดทั้งที่เป็นคนไทยและคนต่างด้าวให้ตกเป็นของแผ่นดิน เพื่อไม่ให้นำทรัพย์สินไปใช้ประโยชน์ หยุดยั้งการใช้บริษัทนอมินีและคนไทยเป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน สร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของระบบธุรกิจในประเทศไทย และป้องกันการใช้ช่องว่างทางกฎหมายในการกระทำความผิด ซึ่งขณะนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็น